มัณฑะเลย์ - เมืองอังวะ - วิหารมหาอ่องมเยบองซาน - ผ่านชมหอคอยอังวะ - วัดบากะยา
สะพานไม้อูเบ็ง - วัดมหากันดายงค์ - พระราชวังไม้สักชเวนานดอว์ - มิงกุน - ล่องเรือแม่น้ำอิระวดี
เจดีย์มิงกุน - ระฆังมิงกุน - เจดีย์ชินพิวมิน - วัดกุโสดอ - มัณฑะเลย์ฮิลล์ - วัดพระมหามัยมุนี
พระราชวังมัณฑะเลย์ - เมืองสกายน์ - เจดีย์อูมินทงแส่ - วัดขุนอูพอนยาชิน - เจดีย์กองมูดอว์
วันที่ 1
กรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์ - เมืองอังวะ - วิหารมหาอ่องมเยบองซาน - ผ่านชมหอคอยอังวะ - วัดบากะยา
09.30 น.
พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เข้าประตู 4 เคาน์เตอร์ Fสายการบินบางกอก แอร์เวย์ โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวก ***ทุกท่านสามารถพักผ่อนก่อนขึ้นเครื่อง ได้ที่ห้องรับรองผู้โดยสาร Boutique Lounge***
11.55 น.
บินตรงสู่ เมืองมัณฑะเลย์ โดย สายการบินบางกอก แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ PG709 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
13.20 น.
เดินทางถึง สนามบินมันฑะเลย์ หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที)
จากนั้นนำท่านนั่งเรือข้ามฟากไป เมืองอังวะ ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของพม่าถึง 5 ครั้ง ในช่วง 360 ปีระหว่าง ค.ศ.1365 ถึง ค.ศ.1842 ทั้งในสมัยราชวงศ์อังวะ ราชวงศ์ตองอู และราชวงศ์อลองพญา เมืองอังวะมีทำเลที่ตั้งเป็นเมืองเกาะคล้ายกรุงศรีอยุธยาในหน้าน้ำจะเข้าถึงอังวะได้ทางเดียวคือทางเรือ
นำทุกท่าน นั่งรถม้า เพื่อท่องเที่ยวชมความสวยงามของ เมืองอังวะ
นำท่านชม วิหารมหาอ่องมเยบองซาน หรือ เมห์นูอ๊อกคยัง อันมาจากชื่อของพระนางเมห์นู มเหสีของพระเจ้าพะคยีดอว์ ผู้เป็นยายของพระนางศุภยลัต พระราชินีองค์สุดท้ายของพม่า ส่วน ‘อ๊อกคยัง’ หมายถึง วัดที่สร้างด้วยปูน วัดใหญ่แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยปูนตามแบบโครงสร้างไม้ดั้งเดิมที่พังทลายลงในช่วงแผ่นดินไหวในปี พ.ศ.2381 โครงสร้างดั้งเดิมนั้นว่ากันว่าสวยอลังการมาก มีหอสวดมนต์ที่มีหลังคาซ้อนสูงมากมายถึง 7 ชั้น เคยเสียหายหนักเมื่อตอนแผ่นดินไหว แต่พระนางชินพยูมะสินพระธิดาของพระนางเมห์นู โปรดให้บูรณะขึ้นมาใหม่ภายหลัง
ผ่านชม หอคอยเมืองอังวะ สร้างขึ้นเพื่อใช้สังเกตุการณ์ข้าศึก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1822 หอนี้เกิดการเอียงตัว หรือทรุดตัว หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวในปี ค.ศ.1838 หลังจากนั้นได้รับการบูรณะใหม่ แต่ในปัจจุบันไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปด้านบนหอคอย
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ วัดบากะยา สร้างเมื่อ พ.ศ.2386 ในสมัยพระเจ้าพะคยีดอว์ หรือ ‘พระเจ้าจักกายเมง’ กษัตริย์องค์ที่ 7 ของราชวงศ์คองบองอยู่นอกกรุงอังวะทางทิศใต้ แกะสลักจากไม้สักทั้งหลัง ภายในวัดนี้มีเสามากถึง 267 ต้น ยอดหลังคามีหลายชั้น ฝีมือและลวดลายการสลักไม้ในวัดบากายานี้ถือว่าล้ำค่ามากเมื่อเทียบกับวัดอื่นๆในพม่า ซึ่งเป็นงานแกะสลักแบบสกุลช่างอยุธยา สังเกตุได้จาก ‘ครุฑยุดนาค’ ที่มีพลังเหมือนจะกระโจนบิน สันนิษฐานว่าชาวอังวะปัจจุบันคือกลุ่มคนสยามที่ถูกกวาดต้อนมาตอนกรุงศรีอยุธยาแตกพ่าย ชาวพม่าเรียกคนอยุธยากลุ่มนี้ว่า ชาวโยเดีย วัดแห่งนี้ยังไม่ได้รับการบูรณะดังนั้นหากใครอยากเห็นวัดไม้ขนาดใหญ่ฝีมือดั้งเดิมก็ไม่ควรพลาด ได้เวลาอันสมควรนำท่านนั่งเรือข้ามฟากกลับเมืองมัณฑะเลย์
ค่ำ
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
MANDALAY SHWE PHYU HOTEL ระดับ 3 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 2
มัณฑะเลย์ - สะพานไม้อูเบ็ง - วัดมหากันดายงค์ - พระราชวังไม้สักชเวนานดอว์ - มิงกุน - ล่องเรือแม่น้ำอิระวดี - เจดีย์มิงกุน - ระฆังมิงกุน - เจดีย์ชินพิวมิน - วัดกุโสดอ - มัณฑะเลย์ฮิลล์
เช้า
รับประทานอาหาร ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอมรปุระ เมืองแห่งผู้เป็นอมตะที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นราชธานีแห่งหนึ่งของพม่าเพียง 76 ปี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ในปี พ.ศ. 2400
นำท่านชม สะพานอูเบ็ง สร้างขึ้นจากไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวกว่า 1,200 เมตร ทอดข้ามทะเลสาบตองตะมานทางตอนใต้ของเมืองอมรปุระ มุ่งตรงไปสู่เจดีย์เจ๊าต่อจีอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ พระเจ้าปุดงโปรดฯ ให้ขุนนางนามว่าอูเบ็ง เป็นแม่ทัพนายกองงานสร้างสะพานแห่งนี้ โดยใช้ไม้สักที่รื้อจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะ จำนวน 1,208 ต้น ที่สร้างไว้เมื่อ 200 กว่าปีที่แล้ว
นำท่านเดินทางสู่ วัดมหากันดายงค์ ให้ทุกท่านได้ทำบุญถวายปัจจัย และตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 1,400 รูป ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของพม่าที่เมืองอมรปุระ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบตองตะมาน ใกล้สะพานอูเบ็ง และเป็นวิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดของพม่า มีภิกษุและสามเณรมาศึกษาเล่าเรียนทางธรรมกว่าพันรูป และมีพระภิกษุจากยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ
นำท่านเที่ยวชม วัดชเวนันตอ (Shwenuntow Temple) เคยตั้งอยู่ในเขตพระราชวังหลวง สร้างขึ้นในของสมัยพระเจ้ามินดงด้วยไม้สักทองชั้นดี แกะสลักศิลปะช่างมัณฑะเลย์แบบเก่าที่มีเอกลักษณ์หลังคาทรงปราสาท 5 ชั้น พร้อมปิดทองสุกสว่างทั้งหลัง แต่ต่อมาได้ถูกยกให้เป็นสำนักสงฆ์ แม้ว่าสีเหลืองอร่ามของทองคำจะจืดจางลงไปตามกาลเวลา แต่ภายในตัววัดด้านในก็ยังปรากฏสีทองสุกสว่างให้ได้ชม นอกจากนั้นวัดแห่งนี้ยังถือเป็นพระราชวังเก่าของพม่าที่มีลักษณะสมบูรณ์สวยงามที่สุดอีกด้วย หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าตี่ป่อก็ได้โปรดให้ทรงย้ายมาตั้งไว้ยังที่ปัจจุบัน และยังเคยเป็นที่ประทับนั่งสมาธิของพระเจ้ามินดงพระราชบิดาของพระเจ้าตี่ป่อ และสิ้นพระชนม์ชีพที่วิหารแห่งนี้
เที่ยง
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษ!! กุ้งเผา
บ่าย
นำท่าน ล่องเรือแม่น้ำอิระวดี สู่ เมืองมิงกุน ระหว่างทางจะได้เห็นหมู่บ้านอิระวดีที่มีลักษณะเป็น “กึ่งบ้านกึ่งแพ” เนื่องจากระดับน้ำอิรวดีในแต่ละฤดูกาลจะมีความแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะฤดูน้ำหลาก ระดับน้ำจะขึ้นสูงกว่าฤดูแล้วกว่า 10 เมตร ชาวพม่าจึงนิยมสร้างบ้านกึ่งแพ คือถ้าน้ำขึ้นสูงก็ร่วมแรงกันยกบ้านขึ้นที่ดอน ครั้นน้ำลงมากก็ยกบ้านมาตั้งใกล้น้ำ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้แม่น้ำในชีวิตประจำวัน
นำท่านชม เจดีย์มิงกุน ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์ เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุนหรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุงจีนโดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์ในสมัยพุกาม และใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าพระปฐมเจดีย์ในสยาม ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ข้าทาสชาวยะไข่หรืออาระกันจำนวน 50,000 คนหลบหนีการขดขี่แรงงานไปอยู่ในเขตเบงกอล เป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษ แล้วทำการซ่องสุมกำลังเป็นกองโจรลอบโจมตีกองทัพพม่าอยู่เนืองๆโดยพม่ากล่าวหาว่าอังกฤษหนุนหลังกลายเป็นฉนวนให้เกิดสงครามอังกฤษ-พม่าอันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พม่าเสียเมืองในที่สุดอย่างไรก็ตามงานก่อสร้างเจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต ภายหลังทรงพ่ายแพ้ไทยในสงครามเก้าทัพ มหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในพระราชหฤทัยของพระองค์จึงปรากฏเพียงแค่ฐาน ทว่าใหญ่โตมหึมาดั่งภูเขาอิฐที่มีความมั่นคงถึง 50 เมตร ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร ส่วนรอยแตกร้าวตรงกลางฐานเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
และไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุนคือ ระฆังมิงกุน ที่พระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้างโดยสำเร็จ เพื่ออุทิศทวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่า พระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแห่งหนึ่งแห่งพระราชวังเครมลินในกรุงมอสโกเพียงใบเดียวทว่าระฆังเครมลินแตกร้าวไปแล้ว ชาวพม่าจึงภาคภูมิใจว่าระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวาน ทั้งนี้เคยมีการทดสอบความกว้างใหญ่ของระฆังใบนี้ โดยให้เด็กตัวเล็กๆไปยืนรวมกันอยู่ใต้ระฆังได้ถึง 100 คน
นำท่านชม เจดีย์ชินพิวมิน (เมียะเต็งดาน) ประดิษฐานอยู่เหนือระฆังมิงกุนไม่ไกล ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่ามากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี”เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักรวาลคือมีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ อันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางและโลกและจักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ สมควรแก่เวลาล่องเรือกลับตามเส้นทางเดิม
นำท่านชม วัดกุโสดอ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ทำการสังคายนาพระไตรปิฎกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครั้งที่ 5 มีแผ่นศิลาจารึกพระไตรปิฎกทั้งหมด 84,000 พระธรรมขันธ์ และหนังสือกินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ว่าเป็นพระไตรปิฎกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นำท่านเดินทางสู่ ยอดเขามัณฑะเลย์ (Mandalay Hill) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง มีความสูง 240 เมตรด้วยเพราะเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งลูกที่เต็มไปด้วยรูปปั้นพระพุทธรูปต่างๆ มีให้เห็นกันตั้งแต่เชิงเขาไปจนถึงบนยอด ไม่ว่าจะเป็นวิหารบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วิหารซูตองพญาบนยอดเขา พระพุทธรูปชเวยัตดอร์ปิดทองขนาดใหญ่นอกจากนี้ยังสามารถขึ้นมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ เจดีย์ซูตองพญา ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาได้อีกด้วย รอบๆวิหารยังมีระเบียงให้ได้ยืนชมทัศนียภาพของเมืองมัณฑะเลย์ มองเห็นทั้งแม่น้ำอิรวดี พระบรมมหาราชวัง รวมถึงวัดกุโสดอว์ และด้วยความที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทำให้ตรงนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของมัณฑะเลย์
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
MANDALAY SHWE PHYU HOTEL ระดับ 3 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 3
วัดพระมหามัยมุนี - พระราชวังมัณฑะเลย์ - เมืองสกายน์ - เจดีย์อูมินทงแส่ - วัดขุนอูพอนยาชิน - เจดีย์กองมูดอว์ - มัณฑะเลย์ - กรุงเทพฯ
04.00 น.
นำท่านเดินทางสู่ วัดมหามัยมุนี (Mahamaimuni Temple) ซึ่งแปลว่าวัดปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ร่วมพิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี และกราบนมัสการพระมหามัยมุนี ***สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 5 แห่งของพม่า*** แจกฟรี...ผ้าเช็ดหน้าพร้อมน้ำล้างพระพักตร์สำหรับทุกท่าน
วัดมหามัยมุนี อยู่ห่างจากใจกลางเมืองลงมาทางใต้ราว 3 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี 1784 โดยพระเจ้าโบ่ต่อพญา เล่ากันว่าถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ ทรงเครื่องกษัตริย์ที่ได้รับการขนานนามว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” ที่พระเจ้ากรุงยะไข่ทรงหล่อขึ้นที่เมืองธรรมวดี เมื่อปี พ.ศ.689 สูง 12 ฟุต 7 นิ้ว หุ้มด้วยทองคำเปลวหนา 2 นิ้ว ทรงเครื่องประดับทองปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 9 ฟุต ในปี พ.ศ.2327 พระเจ้าปดุงได้สร้างวัดมหามุนีหรือวัดยะไข่ (วัดอาระกันหรือวัดพยาจี) เพื่อประดิษฐานพระมหามุนีและในปี พ.ศ.2422 สมัยพระเจ้าสีปอ ก่อนจะเสียเมืองพม่าให้อังกฤษได้เกิดไฟไหม้วัดทองคำ จึงทำให้ทองคำเปลวที่ปิดพระละลายเก็บเนื้อทองได้น้ำหนักถึง 700 บาท ต่อมาในปี พ.ศ. 2426 ชาวพม่าได้เรี่ยไรเงินเพื่อบูรณะวัดขึ้นใหม่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมโดยสายการออกแบบของช่างชาวอิตาลีจึงนับได้ว่าเป็นวัดที่สร้างใหม่ที่สุดแต่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สุดในเมืองพม่า โดยรอบๆ ระเบียงเจดีย์ยังมีโบราณวัตถุที่นำไปจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งกรุงแตกครั้งที่ 1 จากนั้นกลับโรงแรมที่พัก
เช้า
รับประทานอาหาร ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านสู่ พระราชวังหลวงมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) โดยพระเจ้ามินดง สร้างขึ้นตามผังภูมิจักรวาลแบบพราหมณ์ปนพุทธ โดยสมมุติว่าเป็นจุดศูนย์กลางของโลก (เขาพระสุเมรุ) เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีกำแพงล้อมรอบทั้งสี่ทิศ ใจกลางพระราชวังเป็นห้องพระมหาปราสาท ยอดปราสาทหุ้มด้วยแผ่นทองซ้อนกัน 7 ชั้น สูง 78 เมตร รอยอดีตสุดท้ายก่อนพม่าเสียเมืองให้แก่อังกฤษ
เที่ยง
รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษ !! เป็ดย่าง
บ่าย
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองสกายน์ ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำอิรวดี ตรงข้ามกับเมืองอังวะ เมืองสกายน์มีวัดทางพุทธศาสนาที่สำคัญหลายแห่ง สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 เพื่อเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรของชาวไทยใหญ่(ค.ศ. 1315-1364) เคยเป็นเมืองหลวงของพม่าระหว่างปี ค.ศ. 1760 ถึง 1763 ปกครองโดยพระเจ้ามังลอกเปลี่ยนพาหนะในการเดินทางเป็นรถสองแถวเพื่อเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาสกายน์ ซึ่งเป็นภูเขาขนาดกลาง มีความสวยงามด้านทัศนียภาพ สามารถมองเห็นเจดีย์ต่างๆ ที่กระจายรายล้อมอยู่โดยรอบ สุดสายตาจะเป็นแม่น้ำอิระวดี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของเมืองนี้
จากนั้นนำทุกท่านชม เจดีย์อูมินทงแส่ (Umin Thonse Pagoda) หรือ วัด 30 ถ้ำ ( 30 Caves Pagoda) วัดนี้อยู่บริเวณช่วงกลางของเนินเขาสกายน์ ภายในจะมีพระพุทธรูปจำนวน 45 องค์ ประดิษฐานอยู่ด้านในเรียงกันเป็นครึ่งวงกลม มีทางเดินโค้งคู่ไปกับพระพุทธรูปด้านนอกมีการทาสีสันสดใสพร้อมลวดลายปูนปั้น
นำท่านสู่ วัดซุนอูพอนยาชิน วัดนี้มียอดเจดีย์สูงถึง 29 เมตร ภายในเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ภายนอกรอบๆวัดสามารถเดินชมวิวได้ ซึ่งบริเวณนี้ถือเป็นจุดชมวิวของเมือง นอกจากจะเห็นวิวของแม่น้ำอิระวดีที่สวยงดงามแล้ว มองลงมาก็จะเห็นเหล่าวัดและเจดีย์มากมายในบริเวณเขาสกายน์แห่งนี้ ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมือง เพราะจะเห็นเมืองโดยรอบ 360 องศา
จากนั้นนำท่านชม เจดีย์กองมูดอว์ (Kaung Hmu Daw Pagoda) หรือวัดเจดีย์นมสาว สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1636 โดยพระเจ้าตาหลู่น เพื่อใช้ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว ทรงของเจดีย์คล้ายทรงครึ่งวงกลมคว่ำ เป็นศิลปะในแบบของชาวสิงหล หรือเรียกอีกอย่างว่าเจดีย์ทรงลังกา องค์เจดีย์มีความสูง 46 เมตร เส้นรอบวงวัดได้ 274 เมตร เนื่องจากรูปทรงเจดีย์ค่อนข้างแปลกตา คล้ายกับนมของหญิงสาว จึงเป็นที่มาของชื่อเจดีย์นมสาว เดิมเจดีย์จะมีสีขาวแต่ปัจจุบันตัวเจดีย์มีการบูรณะใหม่ ถูกทำให้เป็นสีทองทั้งหมดเพื่อความสวยงาม
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินมัณฑะเลย์
19.15 น.
ออกเดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดย สายการบินบางกอก แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ PG714 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
21.40 น.
เดินทางถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ