วันที่ 3
เคมิ - ล่องเรือตัดน้ำแข็งซัมโป (Sampo Icebreaker) - โรวาเนียมิ (พักค้าง 2 คืน)
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชม เมืองเคมิ (Kemi) เมืองท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ริมอ่าวน้ำลึกบอธเนีย (Gulf of Bothnia) บริเวณทางตอนเหนือของทะเลบอลติค (Baltic Sea) มีประชากรอาศัยอยู่เพียง 22,000 คน แต่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่มีความสำคัญของแลปแลนด์ เนื่องจากเป็นที่ประจำการของเรือตัดน้ำแข็ง และมีการจัดเทศกาลปราสาทในทุกๆปี นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของเหมืองแร่โครเมี่ยมแห่งเดียวในทวีปยุโรปอีกด้วย
นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์อัญมณี (Gemstone Museum) ซึ่งจัดเก็บอัญมณีเพชรพลอย มากกว่า 3,000 ชิ้น โดยอัญมณีที่มีชื่อเสียงของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ มงกุฎกษัตริย์แห่งฟินแลนด์ นำท่านชมความงดงามของอัญมณีล้ำค่า ที่จัดแสดงและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงามทางวัฒนธรรมและความประณีตของช่างฝีมือสมัยก่อน (หากพิพิธภัณฑ์ปิดทำการ จะคืนเงินค่าเข้าชมให้ลูกค้าทุกท่าน)
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ โบสถ์แห่งเคมิ (Kemi Church) ซึ่งเป็นโบสถ์ ศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนท์ ที่ถูกสร้างและออกแบบตาม สถาปัตยกรรมแบบโกธิคโดยสถาปนิกชื่อ ดังชาวฟินแลนด์นาม Josef Stenback ได้เวลานำท่านเชคอินขึ้นเรือตัดน้ำแข็ง (Ice Breaker)
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่าน ล่องเรือตัดน้ำแข็งซัมโป (Sampo Ice Breaker) ล่องบนน้ำทะเลซึ่งเย็นยะเยือกจนกลายเป็นน้ำแข็ง สัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่น่าตื่นตาตื่นใจกับการลอยตัวในทะเลน้ำแข็ง ด้วยชุดความร้อนพิเศษ (Warm Impermeable Survival Suits) ซึ่งปกป้องร่างกายท่านจากความเย็นอันหนาวยะเยือกที่ระดับต่ำกว่าลบยี่สิบองศาเซลเซียส พร้อมรับประกาศนียบัตรการมาเยือนทะเลน้ำแข็งกับทางเรือ
ได้เวลานำท่านมุ่งหน้าสู่ เมืองโรวาเนียมิ (Rovaniemi) (ระยะทาง 116 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ช.ม.) ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพทุ่งหิมะแห่งแลปแลนด์ และหากโชคดีท่านอาจได้พบเห็นฝูงกวางเรนเดียร์ที่ออกหากินในเวลากลางวัน ตลอดเส้นทางท่านจะได้เห็นภูมิประเทศอันแปลกตา หิมะ สลับกับทิวสน และผืนน้ำที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง นับเป็นทัศนียภาพอันแปลกตาและสวยงามมาก ซึ่งสามารถเห็นได้เพียง ช่วงฤดูหนาวแห่งแลปแลนด์นี้เท่านั้น
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พัก
Lapland Hotel Sky Ounasvaara **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1)
วันที่ 4
โรวาเนียมิ - หมู่บ้านซานตาคลอส - ฟาร์มกวางเรนเดียร์
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Claus Village) ดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
นำท่านถ่ายรูปกับ เส้นอาร์คติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) เส้นแบ่งเขตแดนตามเส้นรุ้งและเส้นแวงเพื่อกำหนดขอบเขตของบริเวณซีกโลกเหนือ โดยเส้นอาร์คติกเซอร์เคิลจะอยู่ที่ 66 องศา 33 ลิปดา 44 ฟิลิปดาเหนือ เป็นตัวบ่งบอกจุดเหนือสุดที่ในเวลา 1 ปี คนที่อยู่แถบนี้ มีโอกาสไม่พบกับพระอาทิตย์ขึ้นเลยอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือพระอาทิตย์ไม่ตกเลยเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
นำท่านแวะชม ซานตาคลอสออฟฟิศ (Santa Claus Office) หรือ ที่ทำการของซานตาคลอส ภายในตกแต่งด้วยสีสันสดใสมากมาย พร้อมทั้งให้ท่านได้พบกับลุงซานต้าคลอสตัวโตในชุดคริสต์มาสสีแดงที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
นำท่านแวะชม ที่ทำการไปรษณีย์ซานตาคลอส (Santa Claus Main post office) ท่านสามารถเลือกซื้อไปรษณียบัตรหลากหลายสีสันเพื่อเขียนอวยพรครอบครัวและมิตรสหาย พร้อมทั้งฝากซานต้าคลอสส่งกลับมายังประเทศไทยได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์นี้ อิสระให้ท่านเดินเล่นถ่ายรูปในบริเวณหมู่บ้านซานตาคลอสที่ประดับประดาด้วยธีมคริสต์มาสอันสวยงามตามอัธยาศัย หรือจะเลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึก ภายในหมู่บ้านซานตาครอสแห่งนี้
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ ฟาร์มกวางเรนเดียร์ (Reindeer Farm) หรือฟาร์มกวางคารีบู พร้อมสัมผัสประสบการณ์นั่งรถเลื่อนลากกวางเรนเดียร์ ข้ามผ่านเส้นอาร์คติกเซอร์เคิล (การนั่งรถลากเลื่อนขึ้นกับสภาพอากาศในวันนั้นๆ) ให้ท่านได้สัมผัสกับความน่ารักของกวางเรนเดียร์ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ โดยตัวผู้มีขนาดใหญ่ ขนาดโตเต็มที่มีน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม และสูงประมาณ 214 เซนติเมตร ขนตามลำตัวยามปกติจะมีสีน้ำตาล แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ขนจะเปลี่ยนไปเป็นสีอ่อนขึ้น หรือสีขาว ชาวแลปแลนด์นิยมเลี้ยงไว้เพื่อใช้งานสำหรับรถลากเลื่อน อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปกับกวางเรนเดียร์แห่งแลปแลนด์อย่างใกล้ชิด
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พัก
Lapland Hotel Sky Ounasvaara หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)
วันที่ 5
โรวาเนียมิ - ซาลิสเซก้า - ขับรถสโนว์โมบิล - ตามล่าแสงเหนือ (ออโรร่า ฮันติ้ง)
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลิเซก้า (Saariselka) เมืองท่องเที่ยวตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฟินแลนด์มีชื่อเสียงอย่างมาก ทางด้านที่พักและรีสอร์ท (ระยะทาง 260 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) และเป็นพื้นที่ทางตอนเหนือของแลปแลนด์ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้มากที่สุด
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ทุ่งน้ำแข็งขนาดใหญ่และสนุกเพลินเพลินกับการ ขับสโนว์โมบิล (Snow Mobile) ในดินแดนแห่งความสุขกลางหิมะ ตะลุยไปในทุ่งน้ำแข็งกว้างอย่างเต็มอิ่มตลอด 2 ชั่วโมง ให้ท่านได้ขับสโนว์โมบิลไปในดินแดนแลปแลนด์ พร้อมบริการ ชา, กาแฟ เพื่อคลายหนาว
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
หลังอาหารค่ำ ให้ท่านได้สัมผัสประสบการณ์ นั่งรถออกตามล่าหาแสงเหนือ (Aurora Hunting) โดยรถจะนำท่านสู่ทุ่งกว้าง เพื่อหาพื้นที่ที่สามารถเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ท่องเที่ยว และ กิจกรรมที่ไม่น่าพลาด หากมีโอกาสได้มาเยือนช่วงฤดูกาลที่เห็นแสงเหนือได้ง่ายที่สุด
ที่พัก
Kaksalutanen Glass Igloo Hotel (กรุ๊ป 27 ธ.ค.-3 ม.ค. 2563 กรุ๊ปเดียวเท่านั้น)
กรุ๊ปอื่นๆพัก Northern Lights Village Glass Igloo Hotel / Wilderness Glass Igloo Hotel หรือเทียบเท่า (มีห้องน้ำส่วนตัว)
วันที่ 6
ฮัสกี้ซาฟารีฟาร์ม - นั่งรถลากเลื่อน - ไอซ์ฟิชชิ่ง - เฮลซิงกิ
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านมุ่งหน้าสู่ ฮัสกี้ซาฟารีฟาร์ม พร้อมสัมผัสกับความน่ารักและแสนรู้ของสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ ซึ่งเป็นสุนัขที่แข็งแรง คล่องแคล่ว เต็มไปด้วยพลัง เป็นคุณสมบัติที่สืบทอดจากบรรพบุรุษที่มาจากสิ่งแวดล้อมที่หนาวเย็นอย่างรุนแรงของไซบีเรีย และจากการเพาะพันธุ์ของชาวชุกชี (Chukchi) ที่อาศัยอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปเอเชีย สุนัขถูกนำเข้ามาในอลาสก้า ระหว่างช่วงตื่นทองที่เมืองนอมน์ (Nome) และแพร่เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและแคนาดาในฐานะสุนัขลากเลื่อน
ให้ท่านได้สัมผัสประสบการณ์ การนั่งรถลากเลื่อนโดยสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ พร้อมจิบชา กาแฟ เพื่อคลายหนาว
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านสัมผัสประสบการณ์ ตกปลาจากหลุมน้ำแข็ง (Snow Fishing) ให้ท่านได้ลองตกปลาในแถบอาร์คติดโซน กับการลองขุดหลุมและวางเหยื่อตกปลาด้วยตัวเอง อิสระให้ท่านได้ลองทำกิจกรรมนี้อย่างเต็มที่ บริการชา, กาแฟ เพื่อผ่อนคลายความหนาวเย็น ทั้งนี้ทางทัวร์บริการชุด Thermal สำหรับลูกค้าทุกท่าน
ค่ำ
รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
17.30 น.
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินอิวาโล เพื่อเชคอิน
19.00 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเฮลซิงกิ โดยเที่ยวบิน AY606 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.30 ชั่วโมง) สายการบินฯมีบริการอาหารว่าง ระหว่างเที่ยวบินสู่ เฮลซิงกิ
20.30 น.
เดินทางถึง สนามบินเฮลซิงกิ นำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก
ที่พัก
Radisson Blu Royal Hotel ****หรือเทียบเท่า
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชมเมือง เฮลซิงกิ (Helsinki) สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1550 โดยกษัตริย์กุสตาฟ วาชา แห่งสวีเดน เมื่ออดีตเฮลซิงกิไม่ใช่เมืองหลวงของฟินแลนด์ (เมืองหลวงเก่าคือตรูกู เมื่อครั้งตกเป็นเมืองขึ้นของสวีเดน ปี ค.ศ. 1809 – ค.ศ. 1812) เฮลซิงกิมาเป็นเมืองหลวงของฟินแลนด์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1812 ในสมัยที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซีย ทำให้เฮลซิงกิเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่งดงามและสถาปัตยกรรมร่วมสมัย อีกทั้งทำเลที่ตั้งยังอยู่ท่ามกลางหมู่เกาะมากมายในทะเลบอลติก จนเฮลซิงกิได้รับฉายาว่าเป็น "ธิดาแห่งทะเลบอลติก" และในปี ค.ศ. 2000 เฮลซิงกิยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปด้วยคำขวัญที่ว่า "Helsinki The high tech city where culture meets nature"
นำท่านถ่ายรูปกับ น้ำพุธิดาแห่งทะเลบอลติก (Havis Amanda) ถือว่าน้ำพุแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเฮลซิงกิ และเป็นที่มาของฉายาธิดาแห่งทะเลบอลติก น้ำพุแห่งนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1908 และได้รับการออกแบบโดย นายวิลเลย์วาเกน โดยได้ทำการปั้นรูปปั้นสาวงาม ให้นางเป็นตัวแทนของเฮลซิงกิ ส่วนบอลติกก็คือคาบสมุทรที่เมืองนี้ตั้งอยู่นั่นเอง
นำท่านเที่ยวชม เซเนท สแควร์ (Senate Square) เป็นจตุรัสกลางเมืองที่ใช้จัดกิจกรรมใหญ่ๆ และเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ โดยใจกลางจตุรัสมี อนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ที่ 2 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า
จากนั้นนำท่านชม อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส (Sibelius Monument) อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ใน Sibelius Park ถูกสร้างขึ้นเพื่อสดุดีให้แก่นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังของโลกชาวฟินแลนด์นามว่า Jean Sibelius (1865-1957) ผู้แต่งเพลงฟินแลนเดีย เพลงปลุกใจชาวฟินน์ให้ลุกขึ้นมาเรียกร้องเอกราชจากรัสเซีย ลักษณะเป็นอนุสาวรีย์ที่แปลกตามากๆออกแบบโดย Eila Hiltunen เป็นการสร้างโดยนำเอาแท่งเหล็กจำนวน 600 แท่ง มาเชื่อมเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นรูปร่างของออร์แกนลม ที่มีความสูง 85 ม. กว้าง 10.5 ม. ลึก 6.5 ม. และหนัก 24 ตันตั้งอยู่กลางแจ้งอย่างโดดเด่น
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย
บ่าย
นำท่านถ่ายรูป มหาวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) ซึ่งในอดีตเรียกว่าโบสถ์นิโคลัส เป็นมหาวิหารสีขาวบริสุทธิ์สวยงาม ตั้งเด่นตระหง่านอยู่จนเรียกว่าเป็นจุดแลนด์มาร์กของเฮลซิงกิก็ว่าได้ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันอย่างเป็นจำนวนมาก
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church) เป็นมหาวิหารของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์ สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1862 – ค.ศ. 1868 ออกแบบก่อสร้างโดย Aleksei Gornostajev สำหรับมหาวิหารแห่งนี้ถือว่าเป็นเครื่องแสดงถึงความสัมพันธ์ของฟินแลนด์กับรัสเซีย ที่เคยปกครองฟินแลนด์อยู่ถึง 108 ปี
จากนั้นนำท่านชม โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ " (Temppeliaukio Church) หรือที่รู้จักกันในนาม "โบสถ์หิน" (Rock Church) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "โบสถ์แห่งความรัก" ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2511 แล้วเสร็จวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป และมีความเชื่อว่าหากใครก็ตามมาจุดเทียนอธิษฐานเรื่องเกี่ยวกับความรักในโบสถ์นี้ก็จะสมหวังในสิ่งที่อธิษฐานทุกประการ จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาจัดพิธีแต่งงานที่นี่ เพราะว่ากันว่าคู่รักที่มาจัดพิธีแต่งงานที่โบสถ์แห่งนี้จะครองรักกันยืนยาว
นำท่านสู่ ห้างสรรพสินค้าฟอรั่ม (Forum Shopping Center) ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองเฮลซิงกิ ซึ่งมีร้านค้ากว่า 120 ร้าน ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก
18.00 น.
รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องจีน
20.00 น.
นำท่านสู่ สนามบินเฮลซิงกิ เพื่อเชคอินและ ทำคืนภาษี (Tax Refund)
00.45 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร (บินตรง) โดย สายการบินฟินน์แอร์ เที่ยวบินที่ AY143 สายการบินฯมีบริการอาหารค่ำและอาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ
15.40 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ