14.35 น.
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติบาห์เรน ประเทศบาห์เรน (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 4 ช.ม. กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเป็นเวลาท้องถิ่นเพื่อสะดวกในการนัดหมาย) หลังผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นนำท่านเข้าชม มัสยิด Al Fateh หนึ่งในมัสยิดที่ขึ้นชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ที่ถูกตั้งชื่อตามกษัตริย์ผู้สร้างเมือง ‘Ahmed Al Fateh’ เป็นสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1987 และเป็นมัสยิดที่ถูกตกแต่งด้วยวัสดุชั้นเลิศที่รวบรวมมาจากทั่วโลก อาทิเช่น ลูกแก้วตกแต่งบนพื้นจากอิตาลี โคมไฟจากออสเตรีย หรือแม้แต่ประตูไม้สุดอลังการที่ทำจากอินเดีย ซึ่งนอกจากจะเป็นมัสยิดที่เป็นจุดศูนย์รวมดวงใจของชาวบาห์เรนแล้ว ในปี 2006 มัสยิดแห่งนี้ยังถูกประกาศให้เป็นหอสมุดแห่งชาติอีกด้วย ***ขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกการเข้าชมด้านในมัสยิดในกรณีที่มีการทำพิธีทางศาสนา หรือมีประกาศห้ามเข้าชมภายในมัสยิด เป็นการถ่ายรูปชมรอบมัสยิดด้านนอกแทน***
จากนั้นเราจะพาท่านไปสัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์ 5,000 ปี ที่ ป้อมปราการบาห์เรน (Qal’at al-Bahrain) หรือที่รู้จักกัน อีกชื่อว่า ‘Bahrain Fort’ แหล่งอารยธรรมโบราณที่นักโบราณคดีคาดว่ามันถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วง 2,300 ปี ก่อนคริสตศักราช ซึ่งในอดีตมันเคยเป็นทั้งที่พำนักของกษัตริย์ ป้อมปราการสำหรับป้องกันเมืองจากข้าศึก และยังเป็นสถานที่ๆ ชาวสุเมเรี่ยนเชื่อว่าเป็นจุดนัดพบเพื่อเข้าถึงพระเจ้า และที่ป้อมปราการแห่งนี้ท่านจะได้เห็นความน่ามหัศจรรย์ใจของภูมิปัญญาในการก่อสร้างป้อมปราการขึ้นมาจากหินจนมีความแข็งแกร่งมานานนับพันปีที่แม้แต่นักโบราณคดีก็ยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO World Heritage Site ในปี ค.ศ.200
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าชม ประตูสู่บาห์เรน (Bab al Bahrain) ออกแบบโดย Sir Charles Belgrave ที่ปรึกษาเจ้าผู้ครองรัฐบาห์เรนเพื่อเป็นทางเข้าไปสู่ตลาดมานามาซึ่งเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญและแหล่งจับจ่ายของท้องถิ่น สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อ ค.ศ. 1945 และได้รับการตกแต่งเพิ่มเติมในปี ค.ศ.1986 เพื่อปรับเปลี่ยนให้มีรูปร่างเป็นสถาปัตยกรรมอิสลามมากขึ้น
จากนั้นเราจะพาท่านไปเปิดประตูสู่วัฒนธรรมวิถีชีวิตการเป็นอยู่ของชาวบาห์เรนที่ ตลาดพื้นเมือง Manama Souq ตลาดขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของชาวเมือง ซึ่งที่นี่ท่านจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นอย่างเป็นกันเอง พร้อมช้อปปิ้งของฝากอันเป็นเอกลักษณ์จากประเทศบาห์เรน และลิ้มรสอาหารพื้นเมืองขนานแท้ที่หาชิมที่ไหนไม่ได้ในโลกนี้ นอกจากที่นี่เท่านั้น
วันที่ 3
ทบิลิซี่ - ซาดาโคล - อาร์เมเนีย - โบสถ์ฮัคพัท - เมืองดีลีจาน - ทะเลสาบเซวาน - วิหารเซวาน - กรุงเยเรวาน
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาดาโคล เพื่อเดินทางสู่ประเทศอาร์เมเนีย เมื่อถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ทุกท่านต้องลงจากรถ เพื่อมาผ่านด่านและตรวจเอกสารขาออกจากอาร์เมเนีย เพื่อเข้าประเทศจอร์เจีย โดยทุกท่านต้องนำกระเป๋าเดินทางและสิ่งของทุกอย่างลงจากรถ เพื่อผ่านการ X-ray และผ่านด่านการตรวจเอกสารคนเข้าเมือง ประเทศอาร์มีเนียเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ตั้งอยู่ทางใต้ของเทือกเขาคอเคซัสและอยู่ระหว่างทะเลดำกับทะเลแคสเปียน โดยทางเหนือติดกับประเทศจอร์เจียและอาเซอร์ไบจาน ทางใต้ติดกับประเทศอิหร่านและตุรกี อาร์เมเนีย หนึ่งในประเทศที่เข้าโดดเดี่ยวที่สุดในโลก ที่ถึงแม้ว่าจะมีประเทศล้อมรอบทั้งสี่ด้าน แต่เนื่องด้วยภาวะสงครามละความขัดแย้งกับประเทศโดยรอบ ปัจจุบันการเดินทางเข้าอาร์เมเนียจะเข้าได้จากทางฝั่งประเทศจอร์เจียเท่านั้น
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองฮัคพัท
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน
บ่าย
นำท่านเข้าชม ฮัคพัท เป็นอารามคริสต์อาร์เมเนีย หนึ่งในสาขาของคริสต์ออโทด็อกซ์ ที่ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 10 ในสมัยราชวงศ์คลูริเคียน (Klurikain dynasty) ตัวอารามตั้งอยุ่ยอดเขาที่รายล้อมด้วยหมู่บ้านขนาดย่อมๆ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองดีลีจาน ของจังหวัดทาวุส ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของกรุงเยเรวาน อยู่ริม ทะเลสาบเซวาน ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ลำดับต้นๆของโลก
จากนั้นนำท่านชมความงดงามของ วิหารเซวาน กลุ่มวิหารริมทะเลสาบที่มีอายุเกือบหนึ่งพันปี ตั้งอยู่บริเวณคาบสมุทรของทะเลสาบเซวาน แต่เดิมนั้นตั้งอยู่ในบริเวณเกาะเล็กๆในทะเลสาบ แต่หลังจากการผันน้ำในยุคสมัยของสตาลิน ทำให้ปริมาณน้ำลดลง เกาะเดิมจึงเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่โดยปริยาย โบสถ์แห่งนี้ก็เช่นเดียวกับโบสถ์คริสต์ส่วนมากในแถบทรานคอเคเซีย ที่จะตั้งอยู่ห่างไกลฃจากชุมชน ทำให้ในบางครั้งหากไม่มีการประกอบศาสนพิธี ตัวโบสถ์จะเหมือนถูกทิ้งร้างท่ามกลางความโดดเดี่ยว
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงเยเรวาน เมืองหลวงของประเทศอาร์เมเนีย เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึงสี่พันปี ในอดีตกรุงเยเรวานเป็นชุมทางสำคัญของเส้นทางสายไหม ดังนั้นจึงมีการสะสมเอกสารต้นฉบับของอาร์มีเนียโบราณ กรีก จีน ญี่ปุ่น ซีเรีย ฮีบรู โรมัน และเปอร์เซียที่มีค่าเอาไว้มากมาย ปัจจุบันเยเรวานมีประชากรราว หนึ่งล้านคน จากประชากรทั่วประเทศ 3 ล้านคนโดยประมาณ
ค่ำ
Anil Plaza Hotel ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 4
กรุงเยเรวาน - เมืองเอคิดไมอัดซิน - วิหารชวาร์ทน็อตส์ - กรุงเยเรวาน
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมือง เอคิดไมอัดซิน เมืองสำคัญทางศาสนาของชาวอาร์เมเนีย ถูกสร้างขึ้นโดยนักบุญเกรกอรี่ในช่วงราว ศตวรรษที่ 3 จากนั้นนำท่านเข้าชม วิหารเอคิดไมอัดซิน โบสถ์คริสต์แห่งแรกที่สร้างขึ้นในอาร์เมเนียและคาดการณ์กันว่าเป็นวิหารที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในราวช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3 ตัวโบสถ์สร้างขึ้นบนบริเวนวัดของศาสนาท้องถิ่น สร้างในยุคของกษัตริย์ ทีรีดาเทสที่ 3 แห่งอาร์เมเนีย ตัววิหารได้รับความเสียหายจากสงครามหลายครั้ง ความพิเศษของโบสถ์แห่งนี้คือ ประตูขนาดใหญ่ทำด้วยไม้ที่มีภาพวาดเรื่องราวในศาสนาคริสต์ รวมทั้งภาพวาดอันวิจิตรงดงามของเพดาน ชาวคริสต์มักจะมาทำการแสวงบุญที่นี่อยู่เสมอ
จากนั้นชม โบราณสถานซวาร์ทน็อตส์ ชมผลงานสถาปัตยกรรมชั้นเอกจากการอุทิศตนเพื่อศาสนาของชาวคริสต์ในยุคกลาง ตัวอาคารก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 643 เพื่อเป็นการอุทิศแด่ นักบุญเกรกอรี่ แม้ว่าปัจจุบันโครงสร้างส่วนใหญ่ของวิหารจะเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ทว่าบริเวณโดยรอบยังเหลือวัตถุโบราณเป็นหลักฐานสำหรับความยิ่งใหญ่ในอดีตให้ได้ชม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงเยเรวาน
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านอิสระชมสินค้าพื้นเมือง ณ ตลาด พาค ชูกา ตลาดท้องถิ่นในร่มชื่อดัง ภายใต้โครงสร้างรูปโดมครึ่งวงกลมที่แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรงดงาม
จากนั้นนำท่านชม The Cascade ซึ่งสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของเยเรวาน อุทยานทางศิลปะขนาดยักษ์ สร้างเป็นบันไดขนาดมหึมา 572 ขั้น ถูกสร้างให้เป็นอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะของโซเวียตรัสเซีย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ โรงงานไวน์อารารัต หนึ่งในโรงงานผลิตบรั่นดีระดับแนวหน้าของโลก เปิดกิจการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1887 สินค้าเป็นที่ขึ้นชื่อจนถึงขั้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ท่านหนึ่งคือ ธีโอดอร์ รูสเวลท์ ที่ฟันธงว่า “ถ้าจะดื่มบรั่นดี ก็ต้องเป็นของอาร์เมเนียเท่านั้น” ชมพิพิธภัณฑ์ของโรงงาน ชมขั้นตอนการผลิต ชมโรงบ่มบรั่นดีด้วยถังไม้โอ๊ก
จากนั้นนำท่านชม จัตุรัส Republic Square ชมความสวยงามของอาคารนีโอคลาสสิกสีชมพู บริเวณรอบๆจัตุรัสมีซุ้มแกะสลักที่น่าประทับใจ ในช่วงหลังจากพระอาทิตย์ตกดินนั้น
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
Anil Plaza Hotel ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 5
กรุงเยเรวาน - หุบเขาเอวาน - วิหารการ์นี่ - อารามเก็กฮาร์ด - เมืองบากราทาเชน - ซาดาโคล - ทบิลิซี่
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านไปเที่ยวชมความสวยงามของ หุบเขาเอวาน (Avan Canyon) ที่มีความสวยงามของหน้าผาที่มีความสูงชัน และมีแม่น้ำอาซัดไหลผ่านทำให้เกิดบรรยากาศที่สวยงดงาม ให้ท่านได้ถ่ายภาพเก็บความประทับใจฃ
นำท่านชม วิหารการ์นี (Garni Temple) เมื่อประมาณ 1,700 ปีมาแล้ว บริเวณนี้เคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์อาร์เมเนีย ปัจจุบันยังคงมีสถาปัตยากรรมหลงเหลืออยู่ ซากห้องสรงน้ำ (Royal Bath House) และอาคารรูปทรงกรีก ที่ถูกสร้างขึ้นช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 โดยกษัตริย์อาร์เมเนียในสมัยนั้น ด้านข้างของวิหารทรงกรีกก็มีซากตอของโบสถ์คริสต์ ที่สร้างขึ้นเมื่อคริสตวรรษที่ 9 เหลืออยู่ ต่อมาวิหารแห่งนี้ถูกทำลายด้วยเกิดแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ.1679 สำหรับอาคารที่พบเห็นอยู่ทุกวันนี้ เพิ่งมาประกอบใหม่ในสมัยของสหภาพโซเวียตเมื่อปี ค.ศ.1974 นี้เอง โดยใช้เศษซากปรักหักพังของเก่าผสมกับของใหม่ จึงดูสมบูรณ์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
จากนั้นนำท่านชม วิหารเก๊กฮาร์ด (Geghard Monastery) หนึ่งในความสวยงามของอาร์เมเนีย เพราะวิหารที่สร้างอยู่ท่ามกลางเทือกเขาที่สวยงาม ยังมีส่วนที่สร้างโดยการตัดหินเข้าไปในภูเขาอีกด้วย ตัวอาคารของวิหารเก๊กฮาร์ดนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสตศตวรรษที่ 12-13 ให้ท่านได้ชมส่วนของห้องโถงของตัวโบสถ์ที่มีการตัดหินสร้างเป็นโดมแกะสลักอย่างสวยงาม ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยความศรัทธาในศาสนาคริสต์อย่างเต็มเปี่ยม และยังมีวิหารที่สร้างโดยการตัดหินให้กลายเป็นห้องโถง และได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.2000
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองบากราทาเชน (BAGRATASHEN) เป็นการเดินทางข้ามพรมแดน โดยมีเมืองชายแดนของอาร์เมเนียซึ่งอยู่ติดกับประเทศจอร์เจีย
จากนั้นเดินทางต่อไปยัง เมืองซาดาโคล (SADAKHLO) (ระยะทางประมาณ 100 กม.) ซึ่งเป็นเมืองพรมแดนที่อยู่ติดกับอาร์เมเนีย ตลอดการเดินทางท่านจะได้ชมวิวธรรมชาติอันสวยงาม ของเทือกเขาคอเคซัสน้อยที่อยู่ระหว่างอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน (เมื่อถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ทุกท่านต้องลงจากรถ เพื่อมาผ่านด่านและตรวจเอกสารขาออกจากอาร์เมเนีย เพื่อเข้าประเทศจอร์เจีย โดยทุกท่านต้องนำกระเป๋าเดินทางและสิ่งของทุกอย่างลงจากรถ เพื่อผ่านการ X-ray และผ่านด่านการตรวจเอกสารคนเข้าเมือง)
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยัง กรุงทบิลิซี (TBILISI) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคูรา ในภาษาท้องถิ่นบางครั้งถูกอ้างถึงในชื่อว่า ติฟลิส ประชากรของเมืองนี้มีความหลากหลาย เพราะเมืองนี้เป็นที่อยู่ของผู้คนต่างวัฒนธรรม ต่างศาสนา และต่างชาติพันธุ์มาช้านาน (ระยะทางประมาณ 80 กม.)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
Anil Plaza Hotel ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 6
เมืองมิสเคด้า - วิหารสเวติสเคอเวรี - ป้อมอนานูรี่ - เมืองคาซเกบี้ - โบสถ์เกอร์เกตี้ - ทบิลิซี่
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองมิสเคต้า (Mtskheta) เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของประเทศจอร์เจีย เมืองมิสเคต้าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของจอร์เจียอายุกว่า 3,000 ปี ตั้งอยู่ห่างจากกรุงทบิลิซี ประมาณ 25 กม. ในอดีตเมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอิเบเรีย และเป็นราชอาณาจักรของจอร์เจียในช่วง 500 ปี ก่อนคริสตกาล ถึงปี ค.ศ.500 แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรจากสมัยนั้นหลงเหลืออยู่แล้ว ศาสนาคริสต์ได้เข้ามาเผยแผ่ในเมืองนี้ในช่วงศตวรรษที่ 4 ต่อมาองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน โบราณสถานแห่งเมืองมิสเคต้า (Historical monument of Mtskheta) เป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1994
จากนั้นท่านชม วิหารสเวติสเคอเวรี (Svetitkhoveli Cathedral) ซึ่งคำว่า sveti หมายถึง "เสา" และ tskhoveli หมายถึง "ชีวิต" เรียกง่ายๆรวมกันก็คือวิหารเสามีชีวิต สร้างราวศตวรรษที่ 11 โบสถ์แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจอร์เจีย สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวจอร์เจีย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อและหันมานับถือศาสนาคริสต์
นำท่านออกเดินทางไปตามทางหลวงที่สำคัญ เป็นเส้นทางสำหรับใช้ในด้านการทหารที่เรียกว่า Georgian Military Highway สร้างขึ้นโดยสหภาพโซเวียตสมัยที่จอร์เจียตกอยู่ ภายใต้การปกครองสำหรับใช้เป็นเส้นทางมายังภูมิภาคแห่งนี้ และเป็นถนนเส้นทางเดียวที่จะนำท่านเดินทางสู่ เทือกเขาคอเคซัสใหญ่ (Greater Caucasus) เป็นเทือกเขาสูงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของทวีปยุโรป มีความยาวประมาณ1,100 กม.ที่เป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่าง รัสเซียและจอร์เจีย ระหว่างทางให้ท่านได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของ ป้อมอนานูรี (Ananuri Fortress) ป้อมปราการเก่าแก่ ถูกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16-17 ชมร่องรอยของซากกำแพงที่ล้อมรอบป้อมปราการแห่งนี้ไว้เปรียบเสมือนม่านที่ซ่อนเร้นความงดงามของโบสถ์ 2 หลังที่ตั้งอยู่ภายใน ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวเวอร์จิ้น ภายในยังมี หอคอยทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน จากมุมสูงของป้อมปราการนี้จะมองทัศนียภาพที่สวยงามของ อ่างเก็บน้ำชินวารี (Zhinvali) และชื่นชมทัศนียภาพทิวทัศน์ ของภูเขาล้อมรอบสถานที่แห่งนี้
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองคาซเบกี้ (KAZBEGI) เป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ตามริม ฝั่งแม่น้ำเทอร์กี้ที่มีความยาวประมาณ 157 กม. และตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,740 เมตร ในฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิ อยู่ปานกลางที่ 14.5 องศา ในฤดูหนาวมีอากาศเย็นและยาวนาน อุณหภูมิที่ประมาณ -5 องศาฯ ในเดือนมกราคมซึ่งเป็นเดือนที่หนาวเย็นที่สุด
นำท่านไปชมความสวยงามของ โบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 14 มีอีกชื่อเรียกกันว่า ทสมินดา ซามีบา (Tsminda Sameba) ชื่อที่เรียกที่นิยมกันของโบสถ์ศักดิ์แห่งนี้สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของ แม่น้ำชคเฮรี อยู่บนเทือกเขาของคาซเบกี้ (การเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในกรณีที่ฝนตกหนักหรือถนนถูกปิดกั้นด้วยหิมะที่ปกคลุมอยู่ ทำให้การเดินทางอาจจะเป็นอุปสรรคได้ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงสถานที่เข้าชมตรมความเหมาะสม)
จากนั้นนำท่านออกเดินทางกลับสู่ เมืองทบิลิซี
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
Riverside Hotel ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 7
กรุงทบิลิซี่ - ป้อมนาริคาล่า - โบสถ์ Metekhi - วิหารซิโอนี่ - ทบิลิซี่ - บาห์เรน - กรุงเทพ
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านขึ้นเดินทางสู่ ป้อมนาริคาล่า (Narikala Fortress) ชมป้อมปราการซึ่งเป็นป้อมโบราณ สร้างในราวศตวรรษที่ 4 ในรูปแบบของชูริส ทซิเค และต่อมาในราวศตวรรษที่ 7 สมัยของราชวงศ์อูมัยยาดได้มีการก่อสร้างต่อขยายออกไปอีก และต่อมาในสมัยของกษัตริย์ เดวิด (ปีค.ศ.1089-1125) ได้มีการสร้างเพิ่มเติมขึ้นอีก ซึ่งต่อมาเมื่อพวกมองโกลได้เข้ามายึดครอง ก็ได้เรียกชื่อ ป้อมแห่งนี้ว่า นาริน กาลา (Narin Qala) ซึ่งมีความหมายว่า ป้อมอันเล็ก (Little Fortress)
นำท่านไปชม โบสถ์เมเตห์คี (Metekhi Church) โบสถ์ที่มีประวัติศาสตร์อยู่คู่บ้านคู่เมืองของทบิลิซี ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาของแม่น้ำมทวารี เป็นโบสถ์หนึ่งที่สร้างอยู่ในบริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นประเพณีโบราณที่มีมาแต่ก่อน กษัตริย์วาคตัง ที่ 1 แห่งจอร์กาซาลี ไดส้ร้างป้อมและโบสถ์ไว้ที่บริเวณนี้ ต่อมาในปี ค.ศ.1278-1284
นำท่านไปชม วิหารซีโอนี (Sioni Cathedral) โบสถ์หลังใหญ่ของนิกายออร์โธด๊อกที่ถูกสร้างขึ้นในเมืองนี้ ชื่อของโบสถ์ได้นำมาจากดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ คือ ภูเขาไซออนในเจรูซาเล็มสถานที่แห่งนี้ก็ได้มี่ชื่อเป็น ซิโอนีแห่งทบิลิซี (Tbilisi Sioni) ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 6-7 และต่อมาก็ได้ถูกทำลายลงโดยผู้ที่บุกรุกแต่ก็ได้มีการสร้างขึ้นใหม่หลายครั้งด้วยกัน จนกระทั่งเป็นโบสถ์ที่ได้เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติทบิลิซี
17.50 น.
ออกเดินทางบินลัดฟ้ากลับสู่ ประเทศไทย โดย สายการบินกัลฟ์แอร์ (GF) เที่ยวบินที่ GF082 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
19.00 น.
เดินทางถึง สนามบินเมืองมานาม่า ประเทศบาห์เรน เพื่อเปลี่ยนเครื่อง
22.25 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินกัลฟ์แอร์ (GF) เที่ยวบินที่ GF152
วันที่ 8
กรุงเทพฯ(สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ)
09.30 น.
เดินทางถึง สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ