วันที่ 3
แหลมแอบเชรอน - โกบัสตาน - ภูเขาโคลน - บากู
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชม Ateshgah of Baku หรือ Fire Temple of Baku วัดศาสนาฮินดูที่รูปทรงคล้ายปราสาท ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชาวเปอร์เซียและชาวอินเดีย มีจารึกบ่งชี้ว่า สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับบูชาสักการะตามหลักความเชื่อทางศาสนาของคนท้องถิ่น คือ ศาสนาฮินดู ศาสนาซิกซ์ และศาสนาโซโรอัสเตอร์ (ศาสนาโบราณของชาวอิหร่าน) สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 17 และ 18 ไว้สำหรับประกอบพิธีทางศาสนา แต่ถูกทิ้งให้รกร้างในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เนื่องจากการลดลงของประชากรอินเดียในท้องที่นี้ และเปลวไฟนิรันดร์ หรือ Eternal Flame ได้มอดลงเมื่อ ค.ศ.1969 Fire Temple of Baku ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของประเทศตั้งแต่ปี ค.ศ.1998
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ แหลมแอบเชรอน (Absharon Peninsular) ซึ่งเป็นบริเวฯฉหลมที่ยื่นเข้าไปในทะเลสาบแคสเปี้ยน
นำท่านสู่ ยูนาร์แดก (YanarDag) หรือที่แปลได้ในภาษาท้องถิ่นว่า “Burning Mountain”เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติไฮโดรคาร์บอนที่พวยพุ่งออกมาจากพื้นพิภพผ่านชั้นหินทรายขึ้นมาเป็นแหล่งไฟธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้ประเทศอาเซอร์ไบจานถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนแห่งอัคคี (Land of Fire)
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโกบัสตาน (Gobustan) (ระยะทาง 78กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30ชม.) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองบากู เป็นบริเวณที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการแกะสลักภาพบนหินของมนุษย์ที่งดงาม (Rock Petroglyphs) และนอกจากนั้นยังมีภูเขาโคลนที่มีรูปร่างเหมือนภูเขาไฟซึ่งมีโคลนสีดำพลุ่งขึ้นมาตลอดเวลา (Mud Volcanoes/Mud Domes)
ให้ท่านชมความสวยงามของหินภูเขาที่มีการแกะสลักภาพที่เป็นรูปต่างๆ ณ พิพิธภัณฑ์เปิด (Rock Painting Open-air Museum) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.2007เช่น ภาพการล่าสัตว์ รูปคนเต้นรำ เรือ หมู่ดาวและสัตว์ต่างๆ
นำท่านเดินทางสู่ ภูเขาโคลน หรือ Mud Volcanoe (ระยะทาง 20กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอาร์เซอร์ไบจาน และถูกบันทึกลงในกินเนสเวิร์ล (Guinness World Record) เมื่อ 5 ก.ย. 2004 ชมความแปลกประหลาดและสวยงามของภูเขาโคลนที่มีชื่อเสียง (Mud Domes) ซึ่งเกิดขึ้นที่บริเวณนี้มีอยู่ประมาณ 700 แห่ง ภูเขาดินโคลนนี้เกิดจากดินเหลวที่อยู่ใต้ดิน ก๊าซและน้ำที่ร้อนเมื่อถูกผสมรวมกัน ก็จะมีการพลุ่งขึ้นมาบนพื้นดินเป็นรูปกรวยหรือโดมที่สวยงาม ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองบากู
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
SAPPHIRE INN / OR WINTER PARK HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
08.00 น.
นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเชคอิน
09.30 น.
ออกเดินทางจาก สนามบินบากู สู่ สนามบินทบิลิซี่ โดยเที่ยวบิน .....
10.40 น.
เดินทางถึง สนามบินทบิลิซี่ ประเทศจอร์เจีย นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย
บ่าย
นำท่านเที่ยวชม ย่านเมืองเก่าแห่งนครหลวงทบิลิซี่ (Old town of Tbilisi) ซึ่งมองไปทางไหนก็เห็นแต่ความอ่อนหวานของสีสันอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นที่ผสมผสานศิลปะแบบเปอร์เซียและยุโรป อาจกล่าวได้ว่า นี่คือการบรรจบกันของตะวันออกและตะวันตกของประเทศที่ตั้งอยู่ระหว่างสองทวีปอย่างจอร์เจีย เกิดเป็นศิลปะแบบจอร์เจียที่มีเอกลักษณ์
นำท่านชม โบสถ์เมเตคี (Metekhi Church) โบสถ์เก่าแก่อายุราว 800 ปีซึ่งสร้างอุทิศให้แก่พระแม่มารี
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ สะพานสันติภาพ (Peace bridge) สะพานความยาว 150 เมตรซึ่งเชื่อมระหว่างตัวเมืองเก่าและเมืองใหม่ เปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2010 จัดว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่สวยงามชิ้นหนึ่งซึ่งพาดผ่านแม่น้ำคูรา
จากนั้นนำท่านนั่งกระเช้าเคเบิ้ลขึ้นชม ป้อมนาริกาลา (Narigala Fortress) ป้อมปราการโบราณสมัยยุคศตวรรษที่ 4 ซึ่งนักประวัติศาสตร์ยกย่องว่าเป็นป้อมปราการป้อมหนึ่งบนเส้นทางสายไหมที่แข็งแกร่งและตีได้ยากที่สุด อิสระให้ท่านได้เก็บภาพมุมสูงของเมืองทบิลิซี่ตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
MERCURE TBILISI / EUROPE HOTEL หรือเทียบเท่า (กรุณาเตรียมกระเป๋าใบเล็กสำหรับพักค้างคืนที่คาซเบกิ 1 คืน กระเป๋าใบใหญ่ฝากไว้ที่โรงแรม)
วันที่ 5
สเตพ้านท์สมินด้า - คาซเบกิ - 4WD ชมโบสถ์เกอร์เกตี้
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางไปตามทางหลวงที่สำคัญซึ่งเป็นเส้นทางสำหรับใช้ในด้านการทหาร ได้ถูกสร้างขึ้นโดยสหภาพโซเวียตในสมัยที่จอร์เจียตกอยู่ภายใต้การปกครองสำหรับใช้เป็นเส้นทางมายังภูมิภาคแห่งนี้
และเป็นถนนเส้นทางเดียวที่จะนำท่านเดินทางสู่ เทือกเขาคอเคซัสใหญ่ (Greater Caucasus) ที่มีความยาวประมาณ1,100กม.ที่เป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างรัสเซียและจอร์เจีย
ระหว่างทางให้ท่านได้ชม ป้อมอนานูรี (Ananuri Fortress) เป็นสถานที่ก่อสร้างอันเก่าแก่มีกำแพงล้อมรอบและตั้งอยู่ริมแม่น้ำอรักวี ที่ตั้งอยู่ห่างจากทบิลิซีประมาณ 45 กม.ซึ่งถูกสร้างขึ้นให้เป็นป้อมปราการในศตวรรษที่ 16-17 ภายในยังมีโบสถ์ 2 หลังที่ถูกสร้างได้อย่างงดงามและยังมีหอคอยที่สูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์อันสวยงามของเบื้องล่างและอ่างเก็บน้ำซินวาลี (Zhinvali Reservoir) และยังมีเขื่อนซึ่งเป็นสถานที่สำคัญสำหรับนำน้ำที่เก็บไว้ส่งต่อไปยังเมืองหลวง พร้อมกับผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้วย
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคาซเบกิ (Kazbegi) (ระยะทาง 133กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) ซึ่งเป็นชื่อเมืองอันดั้งเดิม แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อ สเตพ้านท์สมินด้า (Stepantsminda) หลังจากนักบุญในนิกายออร์โธด๊อก ชื่อ สเตฟานได้มาพำนักอาศัยและก่อสร้างสถานที่สำหรับจำศีลภาวนาขึ้นมาเมืองคาซเบกี้ เป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำเทอร์กี้ที่มีความยาวประมาณ 157 กม. และตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,740 เมตร ในฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิที่อยู่ปานกลาง และในฤดูหนาวมีอากาศเย็นและยาวนาน อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและพักผ่อนในเมืองสกีรีสอร์ทหน้าหนาวตามอัธยาศัย
นำท่านสัมผัสบรรยากาศในการท่องเที่ยว โดยการนั่ง 4WD เพื่อชมโบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church) ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 14 หรือมีชื่อเรียกกันว่าทสมินดา ซามีบา (TsmindaSameba) ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกที่นิยมกันของโบสถ์ศักดิ์แห่งนี้สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำชคเฮรี ที่อยู่บนเทือกเขาของคาซเบกี้ (การเดินทางขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางโดยจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เดินทางให้มากที่สุด)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก
ที่พัก
HOTEL PORTA CAUCASIA KAZBEGI หรือเทียบเท่า
วันที่ 6
คาซเบกิ - มิทสเคต้า
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองมิทสเคต้า (Mtskheta) (ระยะทาง 26กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที)
นำท่านชม อารามจวารี (Jvari Monastery) หรืออารามแห่งกางเขน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยุคศตวรรษที่ 6 ซึ่งชาวจอร์เจียสักการะนับถือบูชาเป็นอย่างมาก ภายในโบสถ์มีไม้กางเขนขนาดยักษ์ซึ่งชาวเมืองกล่าวกันว่า นักบุญนีโน่แห่งคัปปาโดเกีย (ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากของประเทศตุรกี) ได้นำไม้กางเขนนี้เข้ามาพร้อมกับการเผยแพร่ศาสนาคริสต์เป็นครั้งแรกในช่วงโบราณกาล อิสระให้ท่านเก็บภาพทิวทัศน์ของเมืองมิทสเคต้าและจุดบรรจบของแม่น้ำคูราและแม่น้ำอะรักวีซึ่งมีความงดงามเป็นอย่างมาก
จากนั้นนำท่านชม วิหารสเวติสโคเวลี (Svetitskhoveli Monastery) สัญลักษณ์ของการเปลี่ยนความเชื่อมานับถือศานาคริสต์ซึ่งกลายมาเป็นศาสนาประจำชาติเมื่อปี ค.ศ. 337 และเป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจอร์เจีย สร้างขึ้นในคริสตวรรษที่ 11 ภายในมีภาพเขียนเฟรสโก้
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเที่ยวชม เมืองมิทสเคต้า (Mtskheta) อดีตนครหลวงแห่งแรกของประเทศจอร์เจียปัจจุบันเป็นเมืองสำคัญทางศาสนาคริสต์ นิกายออร์โธด็อกซ์แบบจอร์เจีย โดยรับคริสต์ศาสนาเข้ามาในประเทศเป็นครั้งแรกช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน โบราณสถานแห่งเมืองมิทสเคต้าให้เป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage Site) เมื่อปี ค.ศ.1994
นำท่านเดินทางสู่ โรงไวน์ (Iago Wine Cellar) หนึ่งในโรงไวน์ที่มีชื่อเสียงของหมู่บ้าน Chardakhi นำท่านชิมหนึ่งในไวน์ท้องถิ่นที่หมักบ่มด้วยวิธีการเฉพาะของชาวจอร์เจียนในไหโบราณซึ่งชาวจอร์เจียนเรียกว่า Kvevri ไหนี้มีความจุเริ่มต้นตั้งแต่ 20 ลิตรไปจนไหขนาดใหญ่ที่จุได้ถึง 10,000 ลิตร โดยวิธีบ่มมีสองวิธีคือขุดหลุมฝังไว้ใต้ดินหรือวางไว้ในระนาบเดียวกับพื้นในโรงบ่มไวน์ วิธีหมักไวน์แบบโบราณนี้ถูกบันทึกไว้เป็นมรดกโลกใน UNESCO Intangible Heritage List โดยองค์กรยูเนสโกนอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นหนึ่งในไวน์แปลกที่ถูกนำไปขายที่โรงแรม The Ritz ในกรุงลอนดอนด้วย
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองบิลิซี่
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
MERCURE TBILISI / EUROPE HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 7
กอรี - อัพลิสต์ซิเคห์
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองกอรี (Gori) (ระยะทาง 182กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.) เป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดชีดา คาร์ทลี เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ให้ท่านได้ชมความสวยงามของเมืองกอรี ที่ในอดีตเคยมีความสำคัญทางด้านทหารในยุคกลางเป็นที่ตั้งของกองกำลังที่อยู่บนถนนสายสำคัญที่เชื่อมกับทางด้านตะวันออกและด้านตะวันตก นอกจากนั้นเมืองนี้ยังเป็นเมืองบ้านเกิดของโจเซฟ สตาลิน อดีตผู้นำที่มีชื่อเสียงของพรรคอมมิวนิสต์โซเวียต และอเล็กซานเดอร์ นาดีราซี ผู้เป็นนักออกแบบชื่อดังในด้านจรวดขีปนาวุธข้ามทวีปของโซเวียต
นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ของสตาลิน (Museum of Stalin) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ พร้อมทั้งเรื่องราวต่างๆของสตาลิน และยังมีการแสดงถึงประวัติชีวิตตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเสียชีวิต
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอัพลิสต์ซิเคห์ (Uplistsikhe) (ระยะทาง 14กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เป็นบริเวณถ้ำที่ถูกทำขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุคการเริ่มต้นราวศตวรรษที่ 8-7 ก่อนคริสตกาล ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางการค้าขายสินค้าจากอินเดียสู่ทางด้านเหนือแถบหมู่บ้านมทวารี และหุบเขารีโอนีไปยังทะเลดำ และต่อไปยังด้านตะวันตก ทำให้เกิดการพัฒนาการเป็นเมืองต่างๆหลายเมือง และอัพลิสต์ซิคห์ ก็เป็นเมืองหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางการค้า ได้ถูกสร้างขึ้นในราวพันปีก่อนคริสตกาล ต่อมาก็ได้ถูกขยายออกไปจนกว้างขวาง
ชม หมู่บ้านที่ถูกสร้างจากถ้ำ โดยมีเนื้อที่กว้างประมาณ 50 ไร่ ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนใต้ ส่วนกลาง และส่วนเหนือ ซึ่งส่วนกลางจะมีบริเวณใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างตัดหินและเจาะลึกเข้าไปเป็นที่อยู่อาศัย นอกจากนั้นยังถูกสร้างให้ต่อไปยังส่วนใต้โดยผ่านอุโมงค์และทางแคบๆ และบางแห่งก็จะมีบันไดจากศูนย์กลางกระจายออกไปยังส่วนต่างๆ ถ้ำส่วนมากจะไม่มีการตกแต่งใดๆภายในเลย ถึงแม้ว่าบางแห่งจะเจาะเป็นถ้ำใหญ่โตก็จะมีเพดานห้องที่ทำเป็นที่หลบซ่อนอีกทีหนึ่ง และบางแห่งถึงแม้จะใหญ่โตแต่ก็ได้เจาะห้องเล็กๆ ทางด้านหลังหรือทางด้านข้างอีกด้วย ซึ่งบางที่อาจจะใช้ในการประกอบพิธีต่างๆได้ด้วย ในราวศตวรรษที่ 9-10 ที่ด้านบนของสถานที่แห่งนี้ได้ถูกสร้างเป็นยอดโดมด้วยหินและก่ออิฐ ซึ่งต่อมานักโบราณคดีได้ค้นพบสิ่งต่างๆ มากมาย รวมทั้งเครื่องทองเครื่องเงินและอัญมณีต่างๆ และยังมีเครื่องเซรามิคส์และการแกะสลักที่สวยงาม ซึ่งสิ่งของต่างๆเหล่านี้ได้ถูกนำไปไว้ที่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่กรุงทบิลิซี
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองทบิลิซี่ (ระยะทาง 100กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.)
นำท่านชม โบสถ์เมเตคี (Metekhi Church)โบสถ์เก่าแก่อายุราว 800 ปีซึ่งสร้างอุทิศให้แก่พระแม่มารี
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ สะพานสันติภาพ (Peace bridge) สะพานความยาว 150 เมตรซึ่งเชื่อมระหว่างตัวเมืองเก่าและเมืองใหม่ เปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2010 จัดว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่สวยงามชิ้นหนึ่งซึ่งพาดผ่านแม่น้ำคูรา
จากนั้นนำท่าน นั่งกระเช้าเคเบิ้ลขึ้นชมป้อมนาริกาลา (Narigala Fortress) ป้อมปราการโบราณสมัยยุคศตวรรษที่ 4 ซึ่งนักประวัติศาสตร์ยกย่องว่าเป็นป้อมปราการป้อมหนึ่งบนเส้นทางสายไหมที่แข็งแกร่งและตีได้ยากที่สุด อิสระให้ท่านได้เก็บภาพมุมสูงของเมืองทบิลิซี่ตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
MERCURE TBILISI / EUROPE HOTEL **** หรือเทียบเท่า
วันที่ 8
ซาดาโคล - ฮักห์พาท - เซวาน - ล่องเรือทะเลสาบเซวาน - เยราวาน
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาดาโคล (Sadakhlo) (ระยะทาง 73 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30ชม.) ที่อยู่ทางด้านใต้ซึ่งเป็นเมืองพรมแดนที่อยู่ติดกับอาร์เมเนียและยังตั้งอยู่ใกล้กับประเทศอาร์เซอร์ไบจาน ตลอดเส้นทางท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์และธรรมชาติอันสวยของเทือกเขาคอเคซัสน้อย ที่อยู่ระหว่างอาร์เมเนียและอาร์เซอร์ไบจาน
นำท่านผ่าน ด่านเมืองซาดาโคลและข้ามพรมแดนโดยมีเมืองอะลาเวอดี (Alaverdi) ที่เป็นเมืองชายแดนของอาร์เมเนียที่อยู่ติดกับจอร์เจีย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองฮักห์พาท (Haghpat) (ระยะทาง 40กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชม.) เป็นเมืองในหมู่บ้านของจังหวัดลอรี่ที่อยู่ทางด้านเหนือของอาร์เมเนียเมืองนี้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเพราะเป็นที่ตั้งของวัดอารามโบราณทั้งสองแห่งให้ท่านได้ชมความสวยงามของอารามฮักห์พาท (Haghpat Monastery)ซึ่งถือได้เป็นผลงานชิ้นเอกของทางด้านศาสนาและทางด้านสถาปัตยกรรมในการก่อสร้างในยุคกลางอารามแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยนักบุญนิชาน (Saint Nishan) ในราวศตวรรษที่ 10 ซึ่งอยู่ในระการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์อะบาส ที่ 1 (King Abas I) อารามแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของโลกในปีค.ศ.1996ซึ่งอดีตเป็นเพียงตัวโบสถ์เล็กๆ ของนักบุญนิชานที่ถูกสร้างขึ้นช่วงปีค.ศ.967ต่อมาก็ได้ถูกสร้างขยายให้ใหญ่โตขึ้นและมีการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามแบบอาร์เมเนียน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซวาน (Sevan) (ระยะทาง 125 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3ชม.) ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเซวาน (Lake Sevan)ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดและทะเลปิดในประเทศอาร์เมเนียและคอเคซัสทะเลสาบนี้เป็นหนึ่งในทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลกทะเลสาบเซวานล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำฮราซดาน และแม่น้ำมาสริค
นำท่าน ล่องเรือชมความสวยงามของทะเลสาบเซวาน (การล่องเรือขึ้นกับสภาพอากาศ) ที่เต็มไปด้วยสถานที่พักผ่อนรีสอร์ทของนักท่องเที่ยวตัวเมืองนี้ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,900 เมตร และตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงเยเรวานประมาณ 65 กม.เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1842 ซึ่งเป็นหมู่บ้านพักอาศัยของชาวรัสเซียที่มีชื่อว่า เยเลนอฟก้า (Yelenovka) จนถึงปีค.ศ.1935 จึงได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เซวาน ตามหลังของทะเลสาบเซวานที่เปลี่ยนชื่อเมืองนี้ยังถูกล้อมรอบไปด้วยสวนสาธารณะเซวานซึ่งได้ถูกสร้างต่อมาจากทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของ
แวะถ่ายรูปกับ อารามเซวาน (Sevan Monastery) หรือมีชื่อเรียกว่า เซวานาแว๊งค์ (Sevanavank) ซึ่งคำว่าแว๊งค์เป็นภาษาอาร์เมเนีย มีความหมายว่า โบสถ์วิหาร สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณแหลมที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของฝั่งทะเบสาบเซวาน ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.874 โดยเจ้าหญิงมาเรียม ซึ่งเป็นธิดาของกษัตริย์อะช๊อต ที่ 1 ซึ่งอยู่ในช่วงของการต่อสู้กับพวกอาหรับที่ปกครองดินแดนแห่งนี้
ได้เวลานำท่านออกเดินทางไปยังเมืองเยเรวานที่อยู่ทางด้านใต้ เมืองเยเรวาน (Yerevan) (ระยะทาง 70กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม.) บางครั้งก็เรียกว่า เอเรวาน (Erevan) ซึ่งชื่อเดิมคือ เอเรบูนี (Erebuni) และเอรีวาน (Erivan) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอาร์เมเนีย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
DOUBLETREE BY HILTON HOTEL YEREVAN หรือเทียบเท่า
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ วิหารเกกฮาร์ด (Geghard Monastery) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความสวยงามของอาร์เมเนียเพราะเป็นวิหารที่สร้างอยู่ท่ามกลางเทือกเขาที่สวยงามและยังมีส่วนที่สร้างโดยการตัดหินเข้าไปในภูเขาอีกด้วยแม้ตัวอาคารของวิหารเกกฮาร์ดนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12-13 แต่สำนักสงฆ์โบราณแห่งนี้ ได้ถูกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อราวศตวรรษที่ 4 อิสระให้ท่านชมส่วนของห้องโถงของตัวโบสถ์ที่มีการตัดหินสร้างเป็นโดมแกะสลักอย่างสวยงามที่ถูกตกแต่งด้วยความศรัทธาในศาสนาคริสต์วิหารที่สร้างโดยการตัดหินให้กลายเป็นห้องโถงและได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2000
จากนั้นนำท่านเข้าชม วิหารการ์นี (Garni Temple) ซึ่งในอดีตเมื่อประมาณ 1,700 ปีมาแล้วบริเวณนี้เคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์อาร์เมเนียซึ่งในปัจจุบันยังคงมีหลงเหลืออยู่ ซากห้องสรงน้ำ (Royal Bath House) และอาคารทรงกรีกที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 ตามพระราชประสงค์ของกษัตริย์ Tiridates ด้านข้างของวิหารทรงกรีกก็มีซากโบสถ์คริสต์ที่สร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 9 หลงเหลืออยู่ วิหารแห่งนี้ถูกทำลายด้วยแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1679 สำหรับอาคารที่เห็นอยู่นี้ ได้รับการบูรณะใหม่ในสมัยสหภาพโซเวียต เมื่อปี ค.ศ.1974 โดยใช้เศษซากปรักหักพังของเก่าผสมกับของใหม่จึงทำให้สมบูรณ์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าวิหารการ์นี จะถูกสร้างแบบกรีกแต่ลวดลายบนตัวอาคารก็สร้างด้วยศิลปะแบบอาร์เมเนียที่ไม่สามารถหาได้ในวิหารกรีกทั่วไป
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ กรุงเยเรวาน (Yerevan) (ระยะทาง 40 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮราซดาน (Hrazdan River)
ชม กรุงเยเรวาน ที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบริหารวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมของประเทศ และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย บัณฑิตยสถานอาร์เมเนียรวมทั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ โรงอุปรากร ห้องแสดงดนตรี สถาบันเทคโนโลยีห้องสมุดสาธารณะขนาดใหญ่ สวนพฤกษศาสตร์ และสวนสัตว์อีกหลายแห่ง กรุงเยเรวานยังเป็นหัวใจของเครือข่ายทางรถไฟและเป็นศูนย์กลางการค้าหลักของสินค้าเกษตรกรรมของประเทศนอกจากนี้ โรงงานอุตสาหกรรมในเมืองนี้ยังผลิตโลหะเครื่องมือจักรกลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ สิ่งทอ และผลิตภัณฑ์อาหารอีกด้วย
ผ่านชม จัตุรัสรีพับลิค (Republic Square) ผลงานชิ้นเอกของสถาปนิกนาม อเล็กซานเดอร์ ทามาเนียน บนเนื้อที่กว่า 30,000 ตารางเมตรล้อมรอบด้วยกลุ่มอาคารสไตล์นีโอคลาสสิคอันงดงาม ในอดีตยุคที่ถูกปกครองโดยสหภาพโซเวียตเคยใช้ชื่อ จัตุรัสเลนนิน (Lenin Square) แต่ถูกเปลี่ยนชื่อหลังประกาศอิสรภาพเป็นประเทศอาร์เมเนีย
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ Yerevan Cascade อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์เปิด (Open-air museum) ของเมืองเยเรวาน ซึ่งมีความงดงามทางศิลปะเป็นอย่างยิ่ง ประกอบด้วยกลุ่มบันได 5 ชั้น ซึ่งรายล้อมด้วยสวนดอกไม้และรูปปั้นมากมาย ซึ่งเป็นส่วนเชื่อมต่อไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ โรงละครโอเปร่า และอนุสาวรีย์อิสรภาพ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
DOUBLETREE BY HILTON HOTEL YEREVAN หรือเทียบเท่า
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ อนุสรณ์สถาน Armenian Alphabet Monument หรือที่ชาวอาร์เมเนียนเรียกกันว่า The Letter Park สถานที่ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรำลึกแก่ Mesrop Mashtots บิดาผู้ประดิษฐ์ตัวอักษรและคิดค้นภาษาอาร์เมเนีย ประกอบด้วยรูปปั้นกลุ่มตัวอักษรภาษาอาร์เมเนียนจำนวน 39 ตัวอักษร สร้างขึ้นใกล้สถานที่ล่วงลับของท่าน โดยสถาปนิกชาวอาร์เมเนีย นาม J.Torosyan เมื่อปี ค.ศ.2005 เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 1,600 ปี ที่มีการใช้ภาษาอาร์เมเนียขึ้น อิสระให้ท่านถ่ายรูปกับอนุสรณ์สถานกับฉากหลังภูเขา Aragats อันสวยงาม ซึ่งประกอบด้วยยอดเขาทั้ง 4 แห่งอาร์เมเนีย ที่มีระดับความสูงถึง 4,090 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
นำท่านชม อาราม Saghmosavank (Monastery of the Psalms) อารามยุคศตวรรษที่ 13 อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงของประเทศอาร์เมเนียที่สร้างขึ้นด้วยหิน ตั้งอยู่ในหุบเขา Ashtarak ในอดีตเคยถูกใช้เป็นสถานศึกษาสำหรับชนพื้นเมืองท้องถิ่นที่อาศัยอยู่บริเวณแถบนี้
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ กอร์วิราบ (Khor Virap) (ระยะทาง 60กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) สำนักสงฆ์โบราณ ตั้งอยู่ทางบนที่ราบอารารัท (Ararat Plain) ทางตอนใต้ของกรุงเยเรวาน ใกล้กับชายแดนประเทศตุรกี ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้เป็นสถานที่จองจำนักบุญเกรกอรี่บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ ผู้เป็นแกนนำในการชักชวนชาวอาร์เมเนียให้เปลี่ยนจากลัทธิ Paganism มานับถือศาสนาคริสต์ ทำให้ประเทศอาร์เมเนียเปลี่ยนศาสนาประจำชาติเป็นศาสนาคริสต์ตั้งแต่ปี ค.ศ.301 จวบจนปัจจุบัน นักบุญเกรกอรี่ถูกจองจำที่นี่ถึงระยะเวลา 13 ปี ด้วยคำสั่งของกษัตริย์ทิริเดสที่ 3 แห่งประเทศอาร์เมเนีย ซึ่งโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกช่วงปี ค.ศ.642 และต่อมาได้เปลี่ยนเป็นสำนักสงฆ์เมื่อปี ค.ศ.1662 และเสร็จสิ้นการก่อสร้างเมื่อปลายศตวรรษที่ 17 อารามแห่งนี้มีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโบราณอันสวยงาม ประกอบด้วยพื้นหลังที่เป็นแนวเทือกเขาอารารัท ซึ่งประกอบด้วยภูเขาสองลูกที่ปกคลุมด้วยหิมะบนส่วนยอดตลอดทั้งปี ด้วยความสูงที่ 5,137 และ 3,896 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอาร์เมเนีย
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองเยเรวาน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
20.00 น.
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินสวาร์นอท (EVN) เพื่อเตรียมเช็คอิน
02.45 น.
ออกเดินทางจาก กรุงเยเรวาน (EVN) สู่ สนามบินโดฮา (DOH) ประเทศกาตาร์ โดย เที่ยวบิน QR286 (ใช้เวลาบินประมาณ 3ชั่วโมง) สายการบินมีบริการอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน
04.45 น.
เดินทางมาถึง สนามบินโดฮา เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่องเที่ยวบิน QR832
07.05 น.
ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ QR832 ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมง (สายการบินฯ มีบริการอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน)
17.45 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ