08.00 น.
เดินทางถึงสนามบินนาโงย่า เมืองนาโงย่า ประเทศญี่ปุ่น (เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) หลังจากผ่านขั้นตอนศุลกากรเรียบร้อบแล้ว นำท่านขึ้นรถโค้ช
นำท่านเดินทางสู่เมือง กุโจฮาชิมัง (Gujo Hachiman) สัมผัสมนต์เสน่ห์เมืองเล็กท่ามกลางขุนเขา ว่ากันตามลักษณะภูมิประเทศแล้ว Gujo Hachiman ถือว่าตั้งอยู่ใจกลางเกาะญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้น เมื่อราวศตวรรษที่ 16 โดย Endo Morikazu เป็นเมืองที่มีแม่น้ำ 3 สายอันได้แก่ Nagara, Kodara และ Yoshida ไหลมาบรรจบกัน ในปี 1652 ก็เช่นกัน เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ทำลายเมือง Gujo Hachiman เสียหมดสิ้น แต่เมืองใหม่ก็ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์อีกครั้งในปี 1667 โดย Endo Tsunetomo เจ้าเมืองในขณะนั้น การสร้างเมืองใหม่ครั้งนี้ไม่เพียงแต่บูรณะทุกสิ่งทุกอย่างให้กลับ มาเหมือนเดิมเท่านั่น ทว่า Tsunetomo-san ยังได้สร้างระบบประปาหมู่บ้านโดยขุดคลองขนาน ไปกับถนนเกือบทุกสายในหมู่บ้าน ซึ่งน้ำในคลองก็เป็นน้ำที่ไหลมาจากจากแม่น้ำทั้ง 3 สายนั่นเอง จุดประสงค์หลักก็เพื่อเอาไว้ดับเพลิงเมื่อเกิดอัคคีภัย และชาวบ้านก็ยังสามารถใช้น้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค จนก่อเกิดวัฒนธรรมแห่งสายน้ำขึ้นมากมาย และด้วยความร่วมมือของคนในชุมชนที่ช่วยกัน รักษาสภาพแวดล้อมเป็นอย่างดี ทำให้วันนี้น้ำในแม่น้ำ ตลอดจนลำคลองทั่วทั้งเมืองยังคงความใส และยังประโยชน์มาจนถึงทุกวันนี้ และที่ Gujo Hachiman เป็นศูนย์กลางของผลิตภัณฑ์อาหาร จำลองมาหลายทศวรรษ และมีสถานที่ผลิตอาหารจำลองถึง 4 แห่ง อาหารจำลอง เป็นอาหารใน รูปพลาสติก หรือขี้ผึ้งจำลอง ซึ่งจัดแสดงตามร้านอาหารต่างๆ ในญี่ปุ่น เพื่อดึงดูดใจลูกค้าหรือบอก ให้ทราบถึงอาหารที่มีบริการ
นำท่านเข้าชมสถาบันการจำลองอาหารญี่ปุ่น เพื่อชมวิธีการผลิตอาการจำลองหลากหลายเมนู และทุกท่านยังได้ทดลองทำด้วยฝีมือท่านเอง ท่านละ 1 ชิ้น เพื่อนำกลับไปเป็นของที่ระลึกอีกด้วย
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านมรดกโลกชิราคาว่า เพื่อชมความงดงามและเป็นเอกลักษณ์ของ หมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาสูงห่างไกลความเจริญ ทำให้ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี อันดีงามไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ประกอบกับความงดงามทางธรรมชาติที่จะแปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ต่างๆ ทั้งทุ่งหญ้าเขียวขจีในฤดูใบไม้ผลิ สีสันสดสวยในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและหิมะสีขาวโพลนใน ฤดูหนาว เป็นเสน่ห์ที่คอยดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาเยือนอย่างต่อเนื่อง หมู่บ้านแห่งนี้มีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวที่เรียกว่า กัชโช่ สึคุริî (Gussho Style) เป็นสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม เป็นการออกแบบ อย่างชาญฉลาดของช่างไม้สมัยโบราณที่รูปร่างของหลังคาเหมือนสองมือพนมของพระพุทธเจ้า หรือ พระเจ้าจึงเรียกหมู่บ้านสไตล์นี้ว่า กัสโซ ซึ่งแปลว่า พนมมือ ตามรูปแบบของบ้าน มีหลังคาชันถึง 60 องศา ลักษณะคล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน ตัวบ้านมีความยาว 18 เมตร กว้าง 10 เมตร โครงสร้างของบ้านไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว แต่ยังคงความแข็งแรงสามารถรองรับหิมะที่ตกทับ หลังคาในช่วงฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถรักษาบ้านไว้ได้นานกว่า 250 ปี และยังได้รับ การขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี 1995 อีกด้วย ให้ทุกท่านได้ตื่นตาตื่นใจชื่นชมกับความ สวยงามของบ้านทรงโบราณที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา ซึ่งทำให้มีทัศนียภาพบรรยากาศที่งดงามตาม ธรรมชาติได้อย่างลงตัว พร้อมกับร่วมถ่ายภาพหมู่ ณ จุดชมวิวของหมู่บ้าน
จากนั้นออกเดินทางสู่ เมืองทาคายาม่า
วันที่ 24 ต.ค. 61
ศาลาว่าการทาคายาม่า-ตลาดซันมาชิซูจิ-คามิโคจิ-สะพานคัปปะ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเข้าชมอาคารสำนักงานว่าการเมืองโบราณ (Takayama Jinya) หนึ่งในที่พำนักของ เจ้าเมืองคานาโมริ แห่งปราสาททาคายาม่า หลังจากหมดยุคปกครองโดยคานาโมริ คฤหาสน์นี้ ก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองโดยตรงของโชกุนโทคุงาวะ ซึ่งผู้ปกครองจังหวัดและเขตได้ใช้เป็นอาคาร สำนักงานว่าการเมืองฮิดะ เป็นที่ออกประกาศของทางราชการ และเก็บภาษีต่างๆ เมื่อเข้าสู่ยุคเมจิ จึงถูกเปลี่ยนมาเป็นสำนักงานประจำพื้นที่ของจังหวัด เขต และสำนักงานย่อยของพื้นที่ อาคาร หลังนี้จึงเป็นอาคารสำนักงานว่าการเมืองโบราณเพียงแห่งเดียวที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้
จากนั้นพาท่านชมเขตเมืองเก่า ซันมาชิซูจิ (Sanmachi-Suji) หรือลิตเติ้ลเกียวโต (Little Kyoto) คำว่า San แปลว่า สาม Machi แปลว่า เมือง Suji แปลว่า ถนน ย่านซัมมาชิซูจิเป็นย่านเมืองเก่า สมัยเอโดะกว่า 300 ปี ที่ยังคงอนุรักษ์บ้านเรือนไว้ได้เป็นอย่างดี ตัวเมืองล้อมรอบด้วยคูน้ำและ ถนนสามสายเล็กๆ ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน
อิสระให้ท่านได้เดินชมความงดงาม ของเมืองเก่าซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนโบราณ และร้านค้าหลากหลาย เช่น ร้านผลิตและจำหน่าย เหล้าสาเก ร้านทำมิโสะ พร้อมเลือกซื้อของที่ระลึกพื้นเมืองเฉพาะถิ่น เช่น เกี๊ยะ กระดาษญี่ปุ่น (washi) รวมถึง ซารุโบะโบะหรือตุ๊กตาทารกลิงตัวสีแดงไม่มีหน้า ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องรางที่แสดงถึง ความโชคดี ปราศจากอุปสรรค และท่านยังสามารถลองลิ้มชิมรสขนมของหวานนานาชนิดอีกด้วย
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ออกเดินทางสู่ที่ราบสูงคามิโคจิ (KAMIKOCHI) ตั้งอยู่ใน Japan Alps National Park หรือ Chubu- Sangaku National Park ในเมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนางาโนะ เป็นแหล่งชมเทือกเขาสูง และสายธาราใสบริสุทธิ์ในทุกฤดูกาล (ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) คามิโคจิเป็นจุด ชมทัศนียภาพได้รับการขนานนามว่าเป็น มงกุฏอัญมณีแห่งเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น อยู่สูงกว่า ระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร มีฉากหลังอันงดงามของเทือกเขาแอลป์ที่อยู่สูงขึ้นไปอีก 1,500 เมตร และความงดงามของแม่น้ำอาซูสะสีฟ้าอมเขียวอยู่เบื้องล่าง ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เดินป่า ที่ได้รับความนิยมมาก
นำท่านชื่นชมกับทัศนียภาพที่สวยงามโดยเริ่มที่บริเวณสะพานคัปปะ สะพานอันเป็นสัญลักษณ์ ของคามิโคจิ เป็นสะพานแขวนที่ทำด้วยไม้ ปลายสายของแม่น้ำจะอยู่ที่สระน้ำไทโช ผืนน้ำที่สะท้อน กับเทือกเขาโฮทากะก่อให้เกิดภาพสะท้อนที่งดงามสมบูรณ์แบบ ต้นน้ำอยู่ที่สระน้ำเมียวจิน และใน ทุกๆ ปี ระหว่างต้นเดือนตุลาคมไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม ทั่วทั้งคามิโคจิจะถูกปกคลุมไปด้วยสีสัน แห่งฤดูกาล เป็นช่วงที่ใบไม้จะเริ่มผลัดสีต่างๆ ให้ชมเป็นจำนวนมาก และถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สวย ที่สุด อิสระชมความงามในบริเวณคามิโคจิ พร้อมเก็บภาพสวยๆ ตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก
KAMIKOCHI ONSEN HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 25 ต.ค. 61
มัตสึโมโตะ-ปราสาทมัตสึโมโตะ-คาวาคูชิโกะ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
เดินทางสู่เมืองมัตสึโมโตะ นำท่านชมภายนอกปราสาทมัตสึโมโตะ ซึ่งเป็นปราสาทซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1593 โดยขุนนางใน ตระกูลอิชิกาว่า เพื่อใช้เป็นสถานที่หลบภัยและวางแผนการสู้รบ โดยมีกำแพงสูงใหญ่และคูน้ำ ล้อมรอบ ปราสาทไว้ ต่อมาป้อมปราสาทได้ถูกกองทัพทาเคดะยึดครองไปได้ และตกเป็นของ โทะกุงะวะ อิเอะยะซุ ในเวลาต่อมาปราสาทแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปราสาทฟุกาชิ (Fukashi Castle) หรือปราสาทอีกา (Crow Castle) เนื่องด้วยผนังของปราสาทที่มีสีดำ และมี อาคารสามชั้นที่ตั้งอยู่ทั้งสองด้านของตัวปราสาทคล้ายเป็นส่วนปีก ปราสาทมัทสึโมโตะจัดเป็นหนึ่ง ในปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดมีอายุยาวนานเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ตั้งอยู่ บนพื้นที่ราบของภูมิภาคจูบุ (ภาคกลาง) อาคารของปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง แสดงถึงความ เก่าแก่ของปราสาทอย่างชัดเจน ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติและเป็นสมบัติ สำคัญของชาติ ภายในปราสาทแบ่งออกเป็น 6 ชั้น จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้เครื่องยุทธโทปกรณ์ ในสมัยก่อน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นเดินทางต่อไปยังทะเลสาบคาวาคุจิโกะ เป็นหนึ่งในทะเลสาบ 5 แห่งบริเวณภูเขาไฟฟูจิ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาที่ทะเลสาบแห่งนี้ เนื่องจากเป็นจุดที่สามารถชื่นชมความงาม ของภูเขาไฟฟูจิได้ดีที่สุดอีกจุดหนึ่ง นอกจากนั้นยังสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่สวยงามไม่ว่า จะเป็นช่วงซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก (บุฟเฟ่ต์ขาปู)
ที่พัก
MIFUJIEN HOTEL หรือเทียบเท่า
ท่านสามารถผ่อนคลายกับการแช่น้ำแร่ธรรมชาติ (ONSEN) เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าและจะทำให้ ผิวพรรณสวยงาม และยังช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดีอีกด้วย
วันที่ 26 ต.ค. 61
โอชิโนะฮัคไค-ฟูจิชั้น 5-โตเกียว-ช้อปปิ้งชินจูกุ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางไปชมบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ โอชิโนะ ฮัคไค บ่อน้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะบน ภูเขาไฟฟูจิ ที่ใช้เวลาอันยาวนานในการไหลลงมาสู่พื้นดินและซึมซาบไปยังบ่อน้ำแต่ละบ่อน้ำ ดังนั้นน้ำที่อยู่ในบ่อจะเป็นน้ำที่ใสสะอาดและสดชื่นมาก ในปี 1985 สถานที่แห่งนี้ยังได้ถูกเลือก ให้เป็น 1 ใน 100 อันดับแหล่งน้ำจากธรรมชาติที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ภูเขาไฟฟูจิ ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเกาะญี่ปุ่นด้วยความสูง 3,776 เมตร จากระดับน้ำทะเลและรูปทรงกรวยคว่ำที่ได้สัดส่วน เป็นแรงบันดาลใจให้กับการสร้างสรรค์ผลงาน ของศิลปินทั้งนักประพันธ์และกวีผู้มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น เกิดการระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1707 หรือ กว่าสามร้อยปีมาแล้วส่งผลให้มีเถ้าลาวาลอยฟุ้งขึ้นปกคลุมเป็นรัศมีกว้างไกลไปถึงกรุงโตเกียวในเอโดะ ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 100 กิโลเมตร
นำท่านขึ้นชมความงามกันแบบใกล้ชิดยังบริเวณ ชั้น 5 ของภูเขาไฟฟูจิ (หรือชั้นสูงสุดที่ทางอุทยานฯ อนุญาตให้ขึ้นได้ในวันนั้นๆ) เพื่อชมทัศนียภาพโดยรอบของภูเขาไฟที่สามารถมองเห็นทะเลสาบ ทั้งห้ากระจายอยู่โดยรอบและเทือกเขาเจแปนแอลป์ที่ทอดตัวยาวขนานกับเส้นทางขึ้นสู่ภูเขาไฟ (จะสามารถเห็นได้หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย)
เที่ยง
รับประทานอาหารกวางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่กรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น โตเกียวตั้งอยู่บริเวณภาคคันโต ของญี่ปุ่น คำว่า โตเกียว หมายถึง นครหลวงตะวันออก โตเกียวแต่เดิมเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่ชื่อเอโดะ เมื่อโชกุน โทกุงะวะ อิเอะยะสึได้เป็นโชกุนในปี ค.ศ.1603 เมืองเอโดะจึงได้กลายเป็น ศูนย์กลางของรัฐบาลทหารของเขาซึ่งมีอำนาจปกครองทั้งประเทศ เมืองโตเกียวมีระบบการปกครอง แบบพิเศษซึ่งรวมการปกครองในรูปแบบจังหวัดและเมืองไว้ด้วยกัน และ เป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุด และมีประชากรมากที่สุดในโลกเมืองหนึ่ง
จากนั้นนำท่านเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งที่ชินจูกุ (Shinjuku) ซึ่งคำว่า ชินจูกุ หมายถึง ที่พำนัก ใหม่ ในสมัยเอโดะ โทกุงะวะ อิเอะยะสึ ได้มีคำสั่งให้สำรวจย่านนี้ตามคำขอของพวกพ่อค้าและ ตั้งเมืองหน้าด่านขึ้นบนถนนโคชุไคโด ไม่นานก็กลายเป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น มีทั้งโรงน้ำชา ร้านค้า โรงเตี๊ยมและหอคณิกาอีกกว่า 50 แห่ง ในปัจจุบันชินจูกุเป็นย่านแห่งความเจริญอันดับหนึ่ง ของกรุงโตเกียว ท่านจะได้พบกับห้างสรรพสินค้า และร้านขายของนับเป็นพันๆ ร้าน ซึ่งจะมีผู้คน นับหมื่นเดินกันขวักไขว่ ถือเป็นจุดที่นัดพบยอดนิยมอีกด้วย เชิญท่านเลือกชมสินค้ามากมาย อาทิเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูปรุ่นล่าสุด IPOD, MP-3, NOTEBOOK, SANRIO SHOP, GAMES SHOP นาฬิกา เสื้อผ้า รองเท้าแฟชั่นทันสมัย และเครื่องสำอาง เป็นต้น
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำอิสระตามอัธยาศัย
ที่พัก
SUNSHINE PRINCE HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 27 ต.ค. 61
วัดอาซากุสะ-อิออนนาริตะ-สนามบินนาริตะ-กรุงเทพฯ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (กรุณาตรวจเช็คสิ่งของและสัมภาระให้เรียบร้อย)
นำท่านชมวัดอาซากุสะ (Asakusa Kannon) หรือชื่อเดิมคือ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) ที่เรียก กันว่าวัดอาซากุสะเพราะวัดอยู่ย่านอาซากุสะของเมืองโตเกียว ในอดีตวัดอาซากุสะเป็นวัดที่เหล่า โชกุนและซามูไร มักจะมาสักการะและขอพรจากเทพเจ้าคันนอนเป็นประจำ และสิ่งที่ขอพรไปนั้นก็ ประสบผลจริงทำให้ซามูไร และโชกุนจึงมีความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก จุดเด่นของ วัดอาซากุสะคันนอน นั่นก็คือ โคมไฟขนาดยักษ์สีแดงสูง 4.5 เมตร ที่แขวนอยู่ที่บริเวณประตู คามินาริม (ประตูฟ้าฟาด) ทั้งสองข้างของโคมแดงจะเป็นรูปปั้นของ 2 เทวบาลผู้รักษาประตู ได้แก่ ฟูจิน (FUJIN) เจ้าแห่งสายลม อยู่ทางด้านขวา ส่วนด้านซ้าย คือ ไรจิน (RAIJIN) เจ้าแห่งอสุนีบาต โดยมี ถนนนากามิเสะ ถนนร้านค้า แหล่งรวมสินค้าของที่ระลึกต่างๆ มากมาย อาทิ พวงกุญแจ ตุ๊กตาแมวกวัก ดาบซามูไร ชุดกิโมโน ร่มญี่ปุ่น ฯลฯ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่อิออน พลาซ่า เมืองนาริตะ ศูนย์รวมแห่งสินค้าชั้นนำนานาชนิด ทั้งกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า นอกจากนี้ยังมี ìร้าน 100 เยนî และซุปเปอร์มาร์เกตเพื่อให้ท่านได้ช้อปปิ้ง และ เลือกซื้อขนมและของฝากอย่างเต็มที่ก่อนเดินทางกลับ
เที่ยง
รับประทานอาหารเที่ยงแบบอิสระ (ไม่รวมค่าอาหาร) เพื่อให้ท่านได้ใช้เวลาช้อปปิ้งอย่างคุ้มค่า
14.30 น.
นำท่านเดินทางสู่สนามบินนาริตะ
17.25 น.
เหิรฟ้าสู่เมืองไทย โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 677
22.30 น.
เดินทางถึงเมืองไทย พร้อมกับความประทับใจเต็มเปี่ยม