13.00 น.
เดินทางถึง สนามบินนานาชาติดูไบ เมื่อเสร็จพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองดูไบ
จากนั้นนำท่าน แวะถ่ายรูปกับตึก ชมตึก DUBAI FRAME” ซึ่งมีขนาดสูง 150 เมตร เชื่อมด้วยสะพานยาว 93 เมตร เริ่มการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2013 ภายในหอชมวิวจะเป็นพิพิธภัณฑ์เล่าเรื่องความเป็นมาในอดีตของดูไบจนถึงปัจจุบัน โดยนำเสนอผ่านเทคโนโลยีแสงสีเสียงสามมิติและ VERTUAL REALITY โดยหอชมวิวดังกล่าวเปิดเพิ่งเริ่มเปิดเมื่อวันที่ 01 มกราคม 2561 ท่านจะเห็นวิวโดยรอบๆ ในตัวเมืองดูไบได้อย่างชัดเจน
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนําคณะเดินทางสู่ นครอาบูดาบี ซึ่งห่างจากตัวเมืองดูไบ 180 กิโลเมตร (ประมาณ 2 ชั่วโมง)
**** หมายเหตุ โปรดแต่งกายสุภาพออกจากโรงแรมเพื่อเข้ามัสยิดชิคซาเญด ****
ผู้หญิง: กรุณาโพกผ้าคลุมศรีษะด้วยน่ะค่ะเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ห้ามใส่กางเกงเลคกิ้งหรือกางเกงรัดรูป
ผู้ชาย: เสื้อแขนยาวขายาวแต่งกายสุภาพ
นำท่านเก็บภาพความประทับใจคู่กับ EMIRATE PALACE เป็นโรงแรมของรัฐบาลอาบูดาบี บริหารโดยกลุ่ม Kempinski เปิ ดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2548 โดยใช้งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสร้างสวยงามดุจดั่งพระราชวังของเจ้าผู้ครองนคร โรงแรมนี้อยู่บนที่ของอดีตประธานาธิบดี Shieak Al Anyan ซึ่งท่านเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ของ U.A.E
จากนั้นนำท่านชม GRAND MOSQUE หรือ SHEIKH ZAYED BIN SULTAN AL และเป็นสุเหร่าประจำเมือง ของท่านเชคที่ก่อตั้งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ ที่ท่าน สร้างไว้ก่อนท่านจะสวรรคต การก่อสร้างรวมทั้งหมดเป็นเวลา 10 ปี สุเหร่านี้มีพรมผืนที่ใหญ่ที่สุดในโลกขนาด 5,627 ตารางเมตร และโคมไฟChandelier ใหญ่ที่สุดในโลก นำเข้าจากประเทศเยอรมันทำด้วยทองคำและทองแดง สามารถรองรับผู้มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้สูงถึง 40,000 คน นอกจากนี้มัสยิดแห่งนี้เป็นสุสานหลวงที่ฝังพระบรมศพของ Sheikh Zayed bin Sultan Al Nahyan อดีตประธานาธิบดีคนแรกแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเจ้าผู้ครองรัฐอาบูดาบี้
นำท่านชม HERITAGE VILLAGE ซึ่งเป็นหมู่บ้านพื้นเมืองจำลองความเป็นอยู่ของชาวเบดูอิน ที่เคยเร่ร่อนอยู่ในทะเลทราย ให้ท่านอิสระกับการถ่ายภาพและเลือกซื้อของเป็นที่ระลึกได้จากหมู่บ้าน
บ่าย
จากนั้นนำท่านแวะ เข้าชมพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ อาบูดาบี คือพิพิธภัณฑ์สาขาย่อยแห่งแรกของพิพิธภัณฑ์ลูฟว์นอกกรุงปารีส เกิดจากทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และทางการฝรั่งเศส ลงนามความร่วมมือทางวัฒนธรรมและศิลปะ โดยให้พิพิธภัณฑ์ใช้ชื่อลูฟว์ เป็นระยะเวลา 30 ปี เสมือนเป็นสาขาย่อย ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะแห่งแรกของอาหรับที่รวบรวมเอาผลงานศิลปะชิ้นสำคัญของโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมารวมไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิดการแบ่งปันเรื่องราวอารยธรรมและวัฒนธรรมของมนุษยชาติ พิพิธภัณฑ์ LOUVRE ABU DHABI เล่าถึงเรื่องราวของมนุษยชาติในบทที่สร้างแรงบันดาลใจถึง 12 บท แต่ละบทเน้นเรื่องรูปแบบที่ใช้ร่วมกันและแนวคิดที่เปิดเผยความเชื่อมโยงกันทั่วมนุษยชาติ ผลงานจากช่วงก่อนประวัติศาสตร์จนถึงผลงานศิลปะร่วมสมัย ศิลปะในการแสดงมาจาก Collection ของพิพิธภัณฑ์ควบคู่ไปกับผลงานชิ้นเอกมากมายที่ยืมตัวมาจากบางส่วนของพิพิธภัณฑ์ฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประวัติศาสตร์ในอีกรูปแบบที่อาบูดาบี เดินทางกลับดูไบใช้เวลาโดยประมาณ 2 ชั่วโมง
จากนั้นนำท่านอิสระช้อปปิ้ง Mall of the Emirates ได้รับความนิยมสูงทันทีที่เปิดบริการ Mall of the Emirates เป็นห้างขนาดใหญ่ มีโรงภาพยนตร์ Cinestar แบบคอมเพล็กซ์ มีอาร์เคดกว้างใหญ่ ติดตั้งตู้เกมส์ ลานโบว์ลิ่ง และร้านค้าอีกมากมาย รวมถึงร้านต่างๆ ที่ได้รับความนิยมในดูไบ และ Borders, Debenhams, Zara และแม้แต่ Harvey Nichols สินค้าแบรนด์ดังอย่าง H&M และ Phat Farm สำหรับลูกค้าทั่วไป และ Via Rodeo ที่เต็มไปด้วย Versace, D&G, Ferragamo และอื่นๆ ในห้างยังมีส่วนของ Ski Dubai ใน Mall of the Emirates จุดที่โดดเด่นที่สุดของ Mall of the Emirates ก็คือ Ski Dubai ไม่น่าแปลกใจที่ Mall of the Emirates เป็นห้างสรรพสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในดูไบ Ski Dubai หนึ่งในสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สามารถเลือกเล่นระหว่างสกี สโนว์บอร์ด เลื่อนหิมะ หรือโยนบอลหิมะในสวนหิมะ (ไม่รวมค่าเข้าและค่าอุปกรณ์ใน Ski)
วันที่ 3
ดูไบ - JUMEIRAH BEACH - บุรจญ์อัลอาหรับ BURJ AL ARAB - Madinat Jumeirah Souk - นั่งรถ Monorail - THE PLAM - ทัวร์ทะเลทราย (4WD)
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นําท่านชม ชายหาด JUMEIRAH BEACH ซึ่งเป็นชายหาดตากอากาศที่สวยงามยอดนิยมของดูไบ
จากนั้นนําท่านถ่ายรูปกับโรงแรม ตึกบุรจญ์อัลอาหรับ BURJ AL ARAB โรงแรมสุดหรู ระดับ 7ดาว ที่สวยและหรูหราที่สุด แห่งหนึ่งของโลก และมีชชื่อเสียงของตะวันออกกลาง ที่ทุกคนใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสเข้าไปสัมผัส ตั้งอยู่ริมอ่าวอาหรับ เป็นที่พักอาศัยของเศรษฐีชาวอาหรับ บุรจญ์อัล อาหรับ (Burj Al Arab)หนึ่งในสัญลักษณ์อันสำคัญของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตึกบุรจญ์อัล อาหรับ ปัจจุบันเป็นโรงแรมรูปทรงเรือใบที่สวยและหรูหราที่สุดระดับโลกและมีชื่อเสียงของตะวันออกกลางมีความสูง321 เมตรหรือ 1,050 ฟุตตั้งอยู่บนเกาะเทียมที่ถูกถมขึ้นห่างจากแถบชายหาดจูเมร่าห์ 280 เมตรริมอ่าวเปอร์เซียที่ทุกคนใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสเข้าไปสัมผัสซึ่งเป็นที่พักอาศัยของเศรษฐีชาวอาหรับการก่อสร้างของตึกเริ่มต้นก่อสร้างใน พ.ศ. 2537 แล้วเสร็จและเริ่มเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2542รูปทรงของตึกถูกสร้างให้เหมือนกับใบเรือของเรือใบแบบชาวอาหรับ ซึ่งตัวตึกมีเสา 2 เสาแยกออกมาเป็นรูปตัว V ในขณะที่ช่องว่างระหว่างตัว V ส่วนหนึ่งก็ปิดให้เป็นห้องใหญ่ๆ และแบ่งออกเป็นชั้นๆ สถาปนิกได้กล่าวว่า "สิ่งก่อสร้างนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของเมืองดูไบซึ่งก็เหมือนกับ โอเปร่าเฮาส์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองซิดนีย์ หรือหอไอเฟลที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองปารีสและตึกบุรจญ์อัล อาหรับก็ต้องการกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองดูไบประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เช่นกัน"
จากนั้นนำท่านสู่ เมดิแนท จูไมร่า ซุค (Madinat Jumeirah Souk) ศูนย์การค้ารูปทรงอาหรับโบราณตั้งอยู่ติดริมทะเล หรือเรียกว่า เวนิสแห่งดูไบ เป็นตลาดติดแอร์ ตั้งอยู่ในส่วนเดียวกับโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว Mina Al Salam ของตระกูล Al Maktoum ออกแบบและตกแต่งเป็นศิลปะพื้นเมืองแบบอาหรับคลาสสิก ภายในมีสินค้าระดับ Premium มากมาย อาทิ ของที่ระลึก พวงกุญแจ ขวดทราย พรมอิหร่าน หัวน้ำหอม โคมไฟ ของประดับตกแต่งบ้าน ขนมหวาน และถั่วรสช็อกโกแลต เป็นต้น
นำท่าน นั่งรถ Monorail > เดินทางสู่ โครงการเดอะปาล์ม THE PALM ซึ่งเป็นโครงการที่อลังการ สุดยอดโปรเจคส์โดยการถมทะเล ให้เป็นเกาะเทียมสร้างเป็นรูปต้นปาล์ม 3 เกาะ บนเกาะมีที่พักโรงแรม รีสอร์ท อพาร์ตเม้น ร้านค้า ภัตตาคาร รวมทั้งสำนักงาน ต่างๆนับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก นำท่านชื่นชมความสวยงามของภูมิประเทศ และบรรยากาศรอบๆ โรงแรมนี้ Palm Island เป็นโครงการมหัศจรรย์ที่คิดค้นสำหรับรองรับการอยู่อาศัยในอนาคต สร้างโดยการนำทรายมาถมทะเลเป็นเกาะเล็กๆ รวม 301 เกาะ รูปร่างหากมองจากด้านบนรูปต้นอินทผลัม (The Palm) และ โครงการ The World จะเห็นเป็นรูปแผนที่โลก
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เดินทางกลับสู่ โรงแรมที่พัก
15.00 น.-15.30 น.
พร้อมกันที่ล๊อบบี๊ จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยรับท่าน
ไปแคมป์ /ตะลุยทะเลทราย โดยบริการนี้จะอำนวยความสะดวกโดยการรับ-ส่งถึงโรงแรม “ ทัวร์ทะเลทราย””ท่านจะสนุกกับการนั่งรถตะลุยไปเนินทราย ตื่นเต้น พร้อมชมพระอาทิตย์ตก หลังจากนั้นนำท่านเข้าสู่ แค้มปิ้งกลางทะเลทราย โดยภายในมีกิจกรรมต่างๆให้ทุกท่านร่วมสนุก อาทิเช่น
- Henna Tattoo (ทดลองศิลปะการเพนท์ลวดลายแบบฉบับชาวอาหรับ)
- SHI SHA. (เครื่องสูบบารากู่ แบบฉบับของชาวอาหรับกลิ่นผลไม)
- GALA BAYA... ให้ท่านแต่งกายพื้นเมืองแบบชาวอาหรับ ถ่ายรูปเก็บไว้ป็นที่ระลึก
- ฟรี ไม่อั้นชิมชาอาหรับ, ผลไม้ตามฤดูกาล, กาแฟ, น้ำอัดลม, น้ำดื่ม
- การขี่อูฐ
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ แบบบาร์บีคิว ในท่ามกลางบรรยากาศทะเลทรายสบาย
พร้อม โชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) จากสาวสวยชาวอาหรับกลางทะเลทราย
22.00 น.
เดินทางออกจากแคมป์ กลับสู่ โรงแรมที่พัก
ที่พัก
HOLIDAY INN EXPRESS หรือเทียบเท่า
วันที่ 4
ดูไบ - DUBAI MUSEUM - ABRA TAXI - GOLD SOUK - SPICE SOUK - ขึ้นตึก BURJ KHALIFA - DUBAI MALL+น้ำพุเต้นระบำ
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำคณะเข้าเยี่ยม ชมพิพิธภัณฑ์ ดูไบ (DUBAI MUSEUM) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดในตะวันออกกลาง สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 19 บูรณะครั้งล่าสุดปี ค.ศ.1970 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น การค้นพบ งานศิลป์ ในหลุมฝังศพที่ AL QUSAIS ที่มีอายุถึง 4,000 ปีและเรื่องราวการค้าขายมุก ในประวัติศาสตร์ก่อนการค้นพบน้ำมัน และท่านจะประทับใจกับการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาถ่ายทอดเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของอาหรับโบราณ
จากนั้นนำทุกท่านนั่ง เรือข้ามฝาก ABRA ซึ่งเป็นพาหนะที่ชาวดูไบใช้กันมาแต่โบราณและยังคงอนุรักษ์ไว้ ข้ามฝั่งพาทุกท่านไปช้อปปิ้งที่ตลาดทอง
นำท่านเดินช้อปปิ้ง ตลาดทอง (GOLD SOUK) เป็นที่ 1 ของตลาดทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกขายทุกอย่างที่เป็น JEWELRY เช่น มุก อัญมณี ต่างๆร้านเล็กๆมากมายกว่าร้อยร้านค้าให้ท่านได้เลือกซื้อของที่ ตลาดเครื่องเทศ (SPICE SOUK) คือ ตลาดเครื่องเทศทั้งตลาดตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศหลากหลายชนิดจากทั่วทุกมุมโลกจำพวกไม้หอม อบเชย ถั่ว กระวาน กานหลู และถั่วร้อยแปดชนิดจากทุกที่ในตะวันออกกลาง
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองดูไบเพื่อขึ้น ชมตึกบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ BURJ KHALIFA (THE TALLEST TOWER IN THE WORLD) หรือเดิมชื่อ บุรจญ์ดูไบหนึ่งในสัญลักษณ์อันสำคัญของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อีกทั้งยังเป็นฉากเสี่ยงตายสำคัญของพระเอก “ ทอมครูซ” จากภาพยนตร์เรื่อง Mission Impossible 4 ซึ่งตึก มีความสูงถึง 828 เมตร ปัจจุบันมีทั้งหมด160 ชั้นเป็นตึกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลกตัวตึกได้ทำสถิติกลายมาเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกมีความสูงถึง546 เมตรแซงตึกไทเป101 เรียบร้อย(สูงกว่าตึกไทเป101 ประมาณ 97 เมตร และสูงกว่าอาคารใบหยก2 ประมาณ 218 เมตร) ซึ่งได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2553 และ เปลี่ยนชื่ออาคารจาก "บุรจญ์ดูไบ" เป็น "บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์" เพื่อ เป็นเกียรติแก่ ท่านชีคค์อดีตประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตึกบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ออกแบบโดยเอสโอเอ็ม ผู้ออกแบบเดียวกันกับเซียร์ทาวเวอร์ อาคารที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันการตกแต่งภายในจะตกแต่งโดยจอร์โจอาร์มานี Giorgio Armaniโดยเป็นโรงแรมอาร์มานีสำหรับ37 ชั้นล่างโดยชั้น45 ถึง108 จะเป็นอพาร์ตเมนต์โดยที่เหลือจะเป็นสำนักงานและชั้นที่123 และ 124 จะเป็นจุดชมวิวของตึกที่สำคัญ ส่วนบนของตึกจะเป็นเสาอากาศสื่อสารนอกจากนี้ชั้น 78 จะมีสระว่ายน้ำ กลางแจ้งขนาดใหญ่โดยตึกนี้จะติดตั้งลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลกที่ความเร็ว18 ม./วินาที (65 ก.ม./ชม.,40 ไมล์/ชม.)โดยลิฟต์ที่มีความเร็วสูงสุดอันดับที่ 2 ปัจจุบันอยู่ที่ตึกไทเป101ที่มีความความเร็ว 16.83 ม./วินาที
นำท่านช้อปปิ้ง ห้างดูไบมอลล์ (Dubai Mall) เป็นศูนย์การค้าแห่งใหม่ล่าสุดของเมืองดูไบ โดยจำลองอาทิเช่น ห้าง Gallaria Lafayette ห้างชื่อดังของฝรั่งเศส ห้าง Bloomingdales อันยิ่งใหญ่จากอเมริกาเป็นศูนย์รวมแบรนด์เนมชั้นนำแนวหน้าจากทั่วทุกมุมโลก ท่านสามารถเลือกชมเทคโนโลยีล้ำสมัยของ น้ำพุเต้นระบำ ที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีการจัดแสดงที่บริเวณหน้าห้างดูไบมอลล์ เริ่มตั้งแต่ 17.30-24.00 น.โดยการแสดงจะเริ่มทุกๆ 30 นาทีจากจุดนี้
ถ่ายสามารถถ่ายรูปคู่กับ ตึกบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ (BurjKhalifa) แบบเต็มตัวตึกอีกด้วย
ค่ำ
อิสระอาหารค่ำ เพื่อสะดวกในการเลือกซื้อของภายในห้าง
ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินดูไบ เพื่อเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ
22.30 น.
เหิรฟ้าสู่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน EMIRATES เที่ยวบิน EK374 AIRBUS A380 (บริการอาหารบนเครื่อง ใช้เวลาบิน 6.30 ชั่วโมง)
08.00 น.
คณะเดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ ด้วยความประทับใจ