บ่าย
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์พระแม่มารี (Frauenkirche) ยอดโบสถ์เป็นทรงหัวหอมคู่ เป็นศิลปะแบบโกธิค ทำจากอิฐแดง ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมิวนิคที่เรารู้จักกันดีตามหนังสือท่องเที่ยวต่างๆ มีความสูงประมาณ 99 เมตร ตัวโบสถ์สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1468 แต่ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และได้รับการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ. 1953
นำท่านชม จตุรัสมาเรียนพลัส (Marianplatz Square) ชมศาลาว่าการเมือง ซึ่งทุกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. ของทุกๆวันจะมีเสียงนาฬิกาตีบอกจังหวะและตุ๊กตาออกมาเต้นระบำ เป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ชมย่านการค้าโดยรอบจตุรัสมาเรียนพลัส ทั้งร้านค้าพื้นเมืองและตลาดสินค้าการเกษตร นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังของยุโรปทั้งหลายตั้งเรียงรายกันเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Hugo Boss, Chanel, Giorgio Armani เป็นต้น อิสระในช่วงบ่ายให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ท่านสามารถเลือกนั่งจิบกาแฟ, ทานไอศครีม, หรือดื่มเบียร์เยอรมันที่ขึ้นชื่อได้ตามร้านค้าบริเวณรอบๆ จัตุรัสแห่งนี้
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองฟุสเซ่น (Fussen) (ระยะทาง 90 ก.ม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) แคว้นบาวาเรียซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเยอรมัน ชื่นชมกับทิวทัศน์ริมสองข้างทางที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของขุนเขา
วันที่ 3
ปราสาทนอยส์ชวานสไตน์ - อูบาอามาเกา - มิวนิค / ซาลส์บวร์ก
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ ปราสาทโฮเฮนชวานเกา (Hohenschwangau Castle) ซึ่งเป็นปราสาทที่อยู่ถัดลงมาจากปราสาทนอยชวานชไตน์ จุดเด่นของปราสาทแห่งนี้คือภาพวาดเรื่องราวอัศวินแห่งหงส์ในนิยายพื้นบ้านอันเลื่องชื่อ
จากนั้นนำท่านนั่งรถมินิบัสเพื่อเข้าชม ปราสาทนอยส์ชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) หรือท่านจะเลือกเดินออกกำลังกายเพื่อขึ้นชมปราสาทแห่งนี้ก็ได้ ปราสาทนอยส์ชวานสไตน์เป็นหนึ่งในปราสาทราชวังที่มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 18–19 รัชสมัยของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 ตามจินตนาการของกวีเอกชาวเยอรมัน ริชาร์ด วากเนอร์ ตัวปราสาทมีที่ตั้งอันน่าทึ่งบนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์ สูงกว่า 200 เมตร เหนือแม่น้ำพอลลัท พร้อมชื่นชมธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงาม ท่านจะประทับใจไปกับความงามและบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกดังเทพนิยาย ซึ่ง วอลซ์ ดิสนีย์ ได้จำลองแบบไปสร้างปราสาทไว้ในดิสนีย์แลนด์ทุกแห่งในโลก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของดิสนีย์แลนด์ (หากปราสาทนอยส์ชวานสไตน์ปิดให้บริการ จะนำท่านถ่ายรูปภายนอกและพาเข้าชมปราสาทโฮเฮนชวานเกาแทน / หรือคืนเงินค่าเข้าชมในกรณีที่ปราสาททั้งสองปิดให้บริการ)
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (เมนูขาหมูเยอรมัน)
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอูบาอามาเกา (Oberammergau) (ระยะทาง 49 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) หมู่บ้านเล็กๆทางตอนใต้สุดของเยอรมันซึ่งใกล้กับพรมแดนประเทศออสเตรีย มีชื่อเสียงด้านการเพ้นท์กำแพงบ้านให้สวยงาม ทำให้บ้านเรือนในเมืองนี้รวมถึงร้านค้าแทบทุกหลังมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชม
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์คาทอลิชเคอเช่ (Katholische Kirche) ด้านบนมีหอคอยเดี่ยว ยอดหอคอยมีลักษณะคล้ายหัวหอมสีเขียวสวยงามลงตัว จากนั้นนำท่านเที่ยวชมเมืองอูบาอามาเกา ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการเพ้นท์ที่เรียกว่า ลุฟเทิ้ลมาลเลอไร (Luftlmalerei) โดยมีการเพ้นท์ผนังบ้านด้วยลวดลายน่ารักๆ คล้ายมีคนยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ไปจนถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับศาสนา อิสระให้ท่านเดินเล่นถ่ายรูปกับสีสันลวดลายการเพ้นท์ผนังบ้านในเมืองน่ารักแห่งนี้ตามอัธยาศัย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลส์บวร์ก (Salzburg) (ระยะทาง 184 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
AUSTRIA TREND SALZBURG WEST หรือเทียบเท่า
***หากโรงแรมที่เมืองซาลส์บวร์กไม่สามารถรองรับคณะได้ จะนำท่านเข้าพักที่โรงแรมในเมืองใกล้เคียง***
วันที่ 4
เบิร์ชเทสกาเด้น - ซาลส์บวร์ก
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเบิร์ชเทสกาเด้น (ระยะทาง 152 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ 1 ใน 6 เส้นทางของเยอรมนี ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “เส้นทางดิอัลไพน์โร้ด” ในอดีตเมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของฐานบัญชาการพรรคนาซีใหญ่ทางตอนใต้
นำท่านล่องเรือชมความงามของ ทะเลสาบโคนิก (Konigsee Lake) หรือที่รู้จักกันในนาม “ทะเลสาบกษัตริย์” ทะเลสาบแสนสวยที่มีน้ำใสราวกับมรกต ดินแดน ฟยอร์ดในเขตเทือกเขาแอลป์ที่งดงามที่สุดในเยอรมัน โดยเกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งบนยอดเขาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง ก่อเกิดเป็นทะเลสาบที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง และความมหัศจรรย์ของฟยอร์ดที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลก
ชมความสวยงามของ โบสถ์ เซ็นต์บาร์โทโลมิว (St. Bartholomae) ซึ่งเป็นโบสถ์ตั้งอยู่กลางทะเลสาบโอบล้อมด้วยขุนเขา และฟยอร์ดเล็กๆ อิสระให้ท่านเก็บภาพสวยงามตามอัธยาศัย (***การล่องเรือในทะเลสาบโคนิคช่วงฤดูหนาว ขึ้นกับสภาพอากาศและน้ำในทะเลสาบ หากไม่สามารถล่องเรือได้ จะนำท่านเที่ยวชมเมืองเบิร์ชเทสกาเด้นแทน)
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลส์บวร์ก (Salzburg) (ระยะทาง 30 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เมืองแสนสวยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำซาลซ่า มีบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก ซึ่งตั้งอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขาทุ่งหญ้าเขียวขจี และทะเลสาบมองต์เซ ซึ่งเคยใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์เพลงชื่อก้องโลก The Sound of Music นอกจากนี้ท่านยังสามารถพบเห็นศิลปะแบบโมเดิร์นในเมืองซาร์ลบวร์ก (Modern Art in Salzburg) โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 มูลนิธิซาร์ลบวร์ก (Salzburg Foundation) ได้มอบหมายให้ศิลปินร่วมสมัยที่มีผลงานโดดเด่นมาร่วมสร้างสรรค์ชิ้นงานสำหรับวางโชว์ในที่สาธารณะกลางแจ้งในจุดต่างๆ ของซาร์ลบวร์ก
นำท่านชมและถ่ายรูปกับ สวนมิราเบล (Mirabell Garden) สวนอันสวยงามที่ตั้งอยู่ภายในพระราชวังเดิม ตกแต่งพันธุ์ไม้หลากหลายสีสัน
จากนั้นข้ามฝั่งสู่เมืองเก่าที่มี ปราสาทโฮเฮนซาลส์บวร์ก ตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนเนินเขา
นำท่านแวะชมบ้านเกิดของศิลปินเอกผู้แต่งเพลงคลาสสิคชื่อก้องโลกชาวออสเตรียนนามว่า โมสาร์ท (Mozart) ผู้ซึ่งสร้างผลงานทางด้านดนตรีไว้อย่างมากมาย บริเวณใจกลางเมืองซาลส์บวร์กจะมีถนนเล็กๆ ที่คึกคักมากเพราะเป็นย่านธุรกิจสำคัญ ซึ่งเต็มไปด้วย ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายหนังสือ ร้านอาหาร และร้านขายของฝากมากมาย อิสระให้ท่านเดินเล่นชมบรรยากาศและถ่ายรูปเมืองซาลส์บวร์กตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
AUSTRIA TREND SALZBURG WEST หรือเทียบเท่า
***หากโรงแรมที่เมืองซาลส์บวร์กไม่สามารถรองรับคณะได้ จะนำท่านเข้าพักที่โรงแรมในเมืองใกล้เคียง***
วันที่ 5
ฮอลสตรัท - ลินซ์ - เชสกี้ ครุมลอฟ
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองฮอล์สตรัท (Hallstatt) (ระยะทาง 87 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชม.) เมืองมรดกโลกเก่าแก่อายุกว่า 4,000 ปี ซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงามและดึงดูดนักเดินทางมากมายให้มายังเมืองแห่งนี้ เมืองฮอล์สตรัทเป็นเมืองเล็กๆริมทะเลสาบ มีประชากรอาศัยไม่ถึง 1,000 คน มีฉากหลังเป็นภูเขาสูงชัน บ้านเรือนในเมืองนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่แคบๆ ริมทะเลสาบ Halls tatter Sea จึงต้องสร้างลดหลั่นเป็นชั้นๆ ตามแนวเขาเหมือนกับสวนลอยฟ้า จนผู้คนที่เคยได้มาเยือนถึงกับขนานนามกันว่าเมืองนี้สวยจนเป็นแบบในโปสการ์ดหรือวอลเปเปอร์
นำท่าน นั่งกระเช้า สู่ยอดเขาจุดชมวิวเมืองมรดกโลก ฮอลสตรัทสกายวอล์ก (World Heritage Skywalk) ที่ระดับความสูง 350 เมตร ท่านจะได้สัมผัสวิวอันงดงามของเมืองมรดกโลกเบื้องล่าง รวมถึงทะเลาสาบฮอลสตรัท ที่โอบล้อมด้วยขุนเขา แบบ 360 องศา สวยงามและประทับใจเป็นอย่างยิ่ง อิสระให้ท่านถ่ายภาพตามอัธยาศัย
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลินซ์ (Linz) (ระยะทาง 124 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม.) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ อดีตเคยเป็นค่ายนาซีในสมัยการปกครองของเยอรมัน โดยอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นับเป็นเมืองที่แฝงความสวยงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมสไตล์บารอค และรอคโคโค
นำท่านชม จตุรัสกลางเฮาพท์พลัทซ์ (Haupt Platz Square) ซึ่งล้อมรอบด้วยอาคารรัฐสภาประจำเมืองที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1513 ในนิกายเยซูอิตที่มีหอคอยคู่สูงเสียดฟ้า
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเชสกี้ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) หนึ่งในเมืองมรดกโลกแห่งสาธารณรัฐเช็ก เพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย (ระยะทาง 70 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชม.) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1992 ตัวเมืองตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา มีความโดดเด่นด้วยอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 หลัง จึงได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ ปราสาทครุมลอฟ (Krumlov castle) สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1250 เป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา จะเป็นรองก็แต่ปราสาทปรากเท่านั้น มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวา ตรงบริเวณคุ้งน้ำพอดี ฝั่งตรงข้ามเป็นย่านเมืองเก่าคลาสสิคบริเวณจตุรัสกลางเมือง ณ จุดชมวิวภายในปราสาท ท่านจะได้เห็นวิวเมืองเชสกี้ คลุมลอฟ ในมุมสูง ซึ่งสวยงามตะการตา
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
ZLATY ANDEL / OR MLYN HOTEL /OR BELLEVUE/ OR GRAND ZVON หรือเทียบเท่า
***หากเมืองเชสกี้ครุมลอฟไม่สามารถรองรับคณะได้ บริษัทจะจัดหาโรงแรมที่เมืองเชสเก้ บูเดโจวิชให้แทน***
วันที่ 6
คาร์โลวี วารี - ปราก
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคาร์โลวี วารี (ระยะทาง 236 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.15 ชั่วโมง) อีกเมืองสวยของสาธารณรัฐเช็ก หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เมืองคาร์ลบาด เป็นเมืองที่มีการค้นพบน้ำแร่ โดยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ที่ดำรงตำแหน่งเป็นพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออก
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเที่ยวชม “เมืองน้ำแร่” ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของแคว้นโบฮีเมีย เป็นเมืองอยู่ในหุบเขาสองฝั่งแม่น้ำเทบลา ดินแดนแห่งนี้เป็นที่ค้นพบแหล่งน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ และมีบ่อน้ำพุร้อนถึง 12 แห่ง น้ำพุที่ร้อนที่สุด อยู่ในศูนย์นิทรรศการที่มีความร้อนถึง 72 องศาเซลเซียส ภายในจัดแสดงสายน้ำแร่ เมืองนี้เป็นที่นิยมในการเข้าคอร์สสปาเพื่อรักษาสุขภาพและยังมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม เหมาะแก่การเดินเที่ยวชมเมืองเป็นอย่างยิ่ง อาทิ โบสถ์ของแมรี่เมดิลีน, โบสถ์สไตล์รัสเซียนออร์ธอดอกซ์, วิหารของเซนต์ปีเตอร์, และเซนต์ปอล อาคารก่อสร้างในสถาปัตยกรรม ทูโอดอร์ นอกจากนี้เมืองนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดของเหล้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียง BECHEROVKA ซึ่งเพาะบ่มแอลกอฮอล์ร่วมกับสมุนไพรชั้นดี ชาวเช็กในโบราณกาลมีความเชื่อว่าเป็นเหล้าสมุนไพรดังกล่าวนี้ เป็นยารักษาโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารชั้นยอดเลยทีเดียว อิสระให้ท่านเดินเล่นถ่ายรูปชมเมืองหรือเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองปราก (Prague) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "นครร้อยยอด" (ระยะทาง 127 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
NH PRAGUE / OR DON GIOVANNI / OR HOLIDAY INN CONGRESS หรือเทียบเท่า
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเที่ยว ชม กรุงปราก ดินแดนของสาธารณรัฐเช็ก เป็นที่เลื่องลือและมีผู้คนเดินทางไปชมเมืองที่มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปราว 2,000 ปี จึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สถาปัตยกรรมแบบ โรมันเนสก์ โกธิค เรเนซองส์ บารอค รวมทั้งศิลปะรูปแบบต่างๆทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่แสดงให้เห็นถึงประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมัน และองค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้กรุงปรากเป็นเมืองมรดกโลกด้านวัฒนธรรม
นำท่านเข้าชม ปราสาทแห่งกรุงปราก (Prague Castle) ปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็กสร้างขึ้นในปี ค.ศ.885 โดยเจ้าชายบริโวจ ปราสาทอัศวินโบราณที่สร้างขึ้นในแบบศิลปะโกธิคที่สง่างามซึ่งในปัจจุบันใช้เป็นที่พำนักของประธานาธิบดีเช็ก นำท่านชมความใหญ่โตโอ่อ่าของตัวปราสาท
เข้าชม โบสถ์เซนต์ไวตัส (Saint Vitus Cathedral) ที่เด่นเป็นสง่า เขตโกลเด้นเลน ซึ่งเคยใช้เป็นที่พำนักของช่างฝีมือในยุคสมัยก่อน โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1344 ในศิลปะแบบโกธิค มีการก่อสร้างเรื่อยมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนมาเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1929 มีหน้าต่างกระจกสีที่งดงามเป็นรูปภาพของนักบุญและเรื่องราวเกี่ยวกับคริสต์ศาสนา แล้วยังเป็นที่เก็บมงกุฎเพชรที่ทำขึ้นในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 กษัตริย์ผู้สร้างความเจริญสูงสุดจนทำให้กรุงปรากกลายเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโบฮีเมียและจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นนำท่านเดินสู่ สะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่สัญลักษณ์ของเมือง สร้างด้วยหินขนาดใหญ่ ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองปรากสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 ชื่อเดิมเรียกว่า “สะพานปราก” ต่อมาในปี 1870 ได้เปลี่ยนชื่อ ตามพระนามของพระเจ้าชาร์ล อยู่ย่านจตุรัสและตัวเมืองเก่า (Old Town Square) ที่คลาสสิกโดยเฉพาะอาคารศาลาเทศบาลกรุงปราก บนสะพานประดับด้วยรูปปั้นของนักบุญถึง 28 องค์ ชาวคริสต์เชื่อว่า หากเดินผ่านสะพานแห่งนี้ ต้องขอพรจากนักบุญจอห์นเพื่อความเป็นสิริมงคล อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย
นำท่านเที่ยวชม จัตุรัสเวนเทสลาสสแควร์ (Wenceslas Square) ที่อยู่หน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติตกแต่งแบบบารอค เป็นที่เก็บรูปภาพโบราณวัตถุมากมาย และบริเวณด้านหน้ายังเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อของกษัตริย์เวเทสลาส ผู้เป็นผู้นำและองค์อุปถัมภ์ศาสนาคริสต์นำสู่ภูมิภาคนี้
นำท่านเดินตัดผ่านสู่ ย่านตลาดกลางแจ้ง ที่มีสินค้าของเล่นที่ทำจากไม้สนผลไม้และสินค้าท้องถิ่น มีเวลาอิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมและสินค้าท้องถิ่นตามอัธยาศัย
16.30 น.
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินปราก มีเวลาให้ท่านดำเนินการเรื่องทำคืนภาษี (TAX Refund)
***หลังเชคอินเรียบร้อยแล้ว อิสระให้ท่านรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย***
19.20 น.
ออกเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK1770 (ใช้เวลาบินประมาณ 2.30 ชม.) บริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อน บนเครื่องบิน
22.55 น.
เดินทางมาถึง กรุงอิสตันบูล แวะเปลี่ยนเครื่อง อิสระให้ท่านช้อปปิ้งใน DUTY FREE SHOP ภายในสนามบิน
01.25 น.
ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK 68 (ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง) สายการบินฯ มีบริการอาหาร 2 รอบ คือ อาหารค่ำ และ อาหารเช้า
15.00 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)