21.00 น.
พร้อมคณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตู 3 เคาน์เตอร์ D (9-12) สายการบินไทย เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก ในเรื่องสัมภาระและการเช็คอิน จากนั้นเชิญรอ ณ ห้องพักผู้โดยสารขาออก
**หมายเหตุ ทางบริษัทได้เตรียมการเดินทางของคณะทัวร์ก่อน 15 วัน โดยซื้อตั๋วเครื่องบิน, เช่ารถโค้ช, จองที่พัก, ร้านอาหาร สถานที่เข้าชมต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าให้กับกรุ๊ปทัวร์ กรณีที่เกิดเหตุการณ์ อาทิ การยกเลิกเที่ยวบิน, การล่าช้าของสายการบิน, การพลาดเที่ยวบิน (ขึ้นเครื่องไม่ทัน), การนัดหยุดงาน, การจลาจล, ภัยพิบัติ, การถูกปฏิเสธการเข้าเมือง ทำให้การเดินทางล่าช้า หรือเหตุสุดวิสัยอื่น ๆ ไม่สามารถเดินทางไปยังจุดหมายตามโปรแกรมได้ หัวหน้าทัวร์ มีสิทธิ์ในการเปลี่ยนโปรแกรม และไม่สามารถคืนเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ชำระแล้ว เพราะทางบริษัทฯ ได้ชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ล่วงหน้าแล้ว และหากมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกิดขึ้นนอกจากในรายการทัวร์ หัวหน้าทัวร์จะแจ้งให้ท่านทราบ เพราะเป็นสิ่งที่ทางบริษัท ฯ มิอาจรับผิดชอบได้***
วันที่ 3
ปารีส - นั่งรถไฟ TGV สู่เมืองอาวีญง - ท่อส่งน้ำปงต์ ดู การ์
07.00 น.
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
08.00 น.
นำคณะเดินทางสู่ สถานีรถไฟ Paris Gare Lyon เพื่อ นั่งรถไฟ TGV สู่ เมืองอาวีญง Avignon เมืองประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำโรห์น และเป็นที่ตั้งของพระราชวังของพระสันตะปาปา Palais des Papes ที่ได้ย้ายที่พำนักมาที่นี่ในระหว่างปี ค.ศ.1309-1423 เป็นเมืองศูนย์กลางทางการค้า ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมที่สำคัญของแคว้น
นอกจากนี้ยังมีสะพานที่มีชื่อเสียงอันได้แก่ สะพานเซนต์เบเนเซ่ Pont Saint-Bénézet หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าสะพานแห่งเมืองอาวีญง สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1177
นำคณะเดินเล่นชมเมืองจนได้เวลาอันสมควรแล้วนำคณะเดินทางสู่ภัตตาคาร (08.37-11.20)
12.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
จากนั้นเดินทางสู่ เขตหุบเขาแม่น้ำโรห์น แม่น้ำสายสำคัญของภูมิภาคนี้
นำท่านไปชม ปงต์ ดู การ์ Pont du Gard หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวโรมันสร้างเมื่อ 2,000 ปีมาแล้วคือทางส่งน้ำซึ่งมีความยาว 275 เมตรสามารถส่งน้ำได้ 34.8 ล้านลิตรต่อวัน ปงดูการ์ เป็นสะพานส่งน้ำจุดหนึ่งในการส่งน้ำระหว่างเมือง Uzès และเมือง Nîmes ซึ่งมีระยะทางถึง 50 กิโลเมตรได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เมื่อปี 1985
19.00 น.
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
HOTEL MERCURE PONT D’AVIGNON CENTRE หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
วันที่ 4
อาวีญง - หมู่บ้านกอร์ด - โบสถ์แอ็บบีเดอซีนอคค์ - หมู่บ้านเลโบ เดอ โพรวองซ์ - อาวีญง
07.00 น.
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
09.00 น.
นำคณะเข้าสู่บรรยากาศแห่งโปรวองซ์ ชม 2 หมู่บ้านที่สวยที่สุดในโปรวองซ์ที่ศิลปินชื่อดังแวนโก๊ะห์ (Van Gogh) ยังหลงใหลและใช้ชีวิตผลิตงานศิลปะที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก หมู่บ้านกอร์ด (Gordes) เมืองเก่าแก่ที่มากด้วยเสน่ห์น่าหลงใหลเป็นอีกเมืองที่ตั้งอยู่บนยอดเขาในแถบเทือกเขา Luberon บันทึกภาพจากจุดชมวิวที่มองเห็นหมู่บ้านในมุมที่สวยที่สุด
จากนั้นเยี่ยมชม โบสถ์แอ็บบีเดอซีนอคค์ (Abbaye de Senanque) ที่มีทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วง ปลูกเป็นแปลงสวยงามอยู่ด้านหน้า ซึ่งทุ่งดอกลาเวนเดอร์แห่งนี้จะบานสะพรั่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน ไปจนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม ซึ่งทั้งหมดจะถูกเก็บเกี่ยวในวันชาติของประเทศฝรั่งเศส มีเวลาให้ท่านได้เก็บภาพประทับใจ
13.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
หมู่บ้านเลโบเดอโพรวองซ์ Les Baux de Provence เมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งปัจจุบันยังคงรักษาเอกลักษณ์ของบ้านเรือน ชุมชน ตลอดจนศิลปะและวัฒนธรรมโบราณเอาไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นหมู่บ้านที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น “หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส”
จนได้เวลาอันสมควร แล้วเดินทางกลับเข้าสู่ เมืองอาวีญง (Avignon) เมืองประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำโรห์น (Rhône)
19.00 น.
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
HOTEL MERCURE PONT D’AVIGNON CENTRE หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
วันที่ 5
อาวีญง - รัฐโมนาโก - มองติกาโล - นีซ
07.00 น.
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
09.00 น.
คณะออกเดินทางสู่ รัฐโมนาโก หรือไมอามี่แห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หลังจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายทำให้เมืองมองติกาโล Monte-Carlo กลายเป็นเมืองหลวงแห่งการพนันของยุโรปซึ่งเศรษฐีนิยมมาเที่ยวกัน
นำท่านเข้าสัมผัสกับความหรูหราภายใน บ่อนคาสิโนมองติกาโล
12.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
เที่ยวชม โมนาโก เมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางท้องทะเลสวย, หมู่ตึกระฟ้าและทิวเขาอันงดงาม ชมมหาวิหารที่เคยใช้จัดงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงเกรซเคลลีแห่งโมนาโค สตรีผู้สูงศักดิ์ ที่ชีวิตเปรียบเสมือนเทพนิยาย จากหญิงสาวธรรมดาที่โชคชะตาพลิกผันให้เป็นเจ้าหญิงในราชวัง วันนี้เธอเป็นตำนานที่ไม่ใช่เพียงเจ้าหญิงผู้เลอโฉม แต่เธอนำพาชื่อเสียงให้โมนาโคเป็นที่รู้จักด้านสาธารณะประโยชน์ องค์กรการกุศลต่าง ๆ มากมาย
แล้วไปถ่ายรูปกับ ปาเล เดอ แปรงซ์ Palais De Princes ปราสาทที่ประทับของเจ้าชายแห่งรัฐสร้างขึ้นบนส่วนที่เป็นเดอะร็อกท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงาม
แล้วไปชมวิวทิวทัศน์ที่ขนาบด้วยท่าเรือสองแห่งคือ Port De Fontvieille และ Port Hercule ท่าจอดเรือยอร์ชอันหรูหราแสดงถึงความมั่งคั่ง และร่ำรวยของดินแดนแห่งนี้
แล้วเดินทางต่อเข้าสู่เมืองตากอากาศชื่อดังของฝรั่งเศส “นีซ” (Nice) มีความใหญ่เป็นอันดับห้า ของฝรั่งเศสในแคว้นที่ชื่อว่า โพรวองซ์-แอลป์-โกต-ดาซูร์ (Provence-Alpes-Côte d'Azur) ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีชายหาดหินที่สวยงาม เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่จะมาเดินกันอยู่ที่ถนนเรียบชายหาด ลา-พรอมมินาด-เด-ซองเกส (La Promenade des Anglais) เขตย่านเมืองเก่า จัดได้ว่าเป็นเมืองที่น่าเดินชมบรรยากาศแบบชาวโพรวองซ์เป็นอย่างยิ่ง
19.00 น.
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
MERCURE NICE CENTRE NOTRE DAME HOTEL หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
วันที่ 6
นีซ - แซงต์ปอล เดอ วองซ์ - กราซ - โรงงานน้ำหอมฟราโกนาร์ด - คาสเทลแลน - เวอร์ดง
08.00 น.
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
09.00 น.
นำคณะเดินทางสู่ แซงต์ปอล เดอ วองซ์ เมืองโบราณในโปรวองซ์ (Provence) เคยถูกโรมันยึดครอง ในยุคกลางเมืองถูกรุกรานจากสเปน กษัตริย์ฟรองซัวส์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส โปรดให้สร้างกำแพงหินล้อมรอบเมือง ความขลังและสวยงามดึงดูดศิลปินมารังสรรค์งานที่นี่ ทั้งนักเขียน นักกวี นักแสดง กองถ่ายภาพยนตร์ ล้วนแต่หลงเสน่ห์แซงต์ปอล เดอ วองซ์ หรือจะเรียกอีกนัยหนึ่งว่า “ถิ่นศิลปิน” ก็ไม่ผิด
12.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
เดินทางสู่ เมืองกราซ (Grasse) เพื่อให้ท่านได้เข้าชม โรงงานผลิตน้ำหอม ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ชมกระบวนการผลิตน้ำหอมด้วยการสกัดและการกลั่น ตลอดจนห้องจัดนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของการผลิตน้ำหอมและคอลเล็กชั่นขวดน้ำหอมต่าง ๆ อย่างมากมาย เมืองกราซ (Grasse) หรือที่รู้จักกันในนาม “เมืองหลวงแห่งโลกน้ำหอม” การผลิตน้ำหอมทั้งหลายส่วนใหญ่เริ่มต้นที่นี่ โรงงานผลิตน้ำหอมที่มีประวัติ ศาสตร์ยาวนาน เปิดให้ท่านได้ชมเรื่องราวและขั้นตอนการผลิต และโชว์รูมขายผลิตภัณฑ์ให้ท่านได้เลือกซื้อเป็นของฝาก
19.00 น.
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
CHATEAU DE TAULANE หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
วันที่ 7
ช่องแคบเวอร์ดง - หมู่บ้านมูสติเย่ร์ แซงต์ มารี - วาเลนซอล - ชมทุ่งลาเวนเดอร์ - เกรโนเบิล
08.00 น.
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
09.00 น.
นำคณะออกเดินทางสู่ หมู่บ้านมูสติเย่ร์ แซงต์ มารี (Moustiers Ste Marie)
ระหว่างทางผ่านชม ช่องแคบเวอร์ดง (Les Gorges Du Verdon) หรือที่เรียกสั้นๆ กันว่า แกรนด์แคนยอนของฝรั่งเศส มีความลึก 300-700 เมตรเลยทีเดียว เมื่อมองลงไปด้านล่างมนุษย์จะดูเหมือนมด อีกทั้งแม่น้ำที่ไหลผ่านจะเห็นเป็นริบบิ้นสีเขียว จนนึกไม่ถึงเลยว่า สายน้ำเล็กๆ ที่มองเห็นอยู่นั้นมีความกว้างถึง 8 เมตร และไหลลงสู่หินด้วยความแรงจนกระทั่งสามารถกัดเซาะหินให้เป็นร่องยาวถึง 25 กิโลเมตร หน้าผาที่ถูกน้ำเซาะกับธารน้ำสีเทอควอยส์นั้น จึงกลายเป็นช่องแคบระหว่างเขาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งถือเป็น One of Europe’s Most Beautiful ที่ไม่ควรพลาดชม
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ หมู่บ้านมูสติเย่ร์ แซงต์ มารี (Moustiers Ste Marie) หมู่บ้านแห่งดวงดาว เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านสุดสวยในเขต Haute Provence (High Provence) ของฝรั่งเศส สวยจนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น Un Les Plus Beaux Village De France (One of the Most Beautiful Village of France) หมู่บ้านหินนี้ตั้งอยู่ใต้ชะง่อนเขา มีดาวสีทองผูกไว้ระหว่างสองยอดเขา สัญลักษณ์ของหมู่บ้าน ใจกลางหมู่บ้านมีธารน้ำตกไหลผ่าน ดอกไม้หลากสีที่พร้อมใจกันออกดอกสวยบนถนนสายเล็กๆอันงดงาม
จากนั้น นำชมจุดสำคัญที่สุดของเมืองนี้ อันได้แก่ ดวงดาว (I’Etoile) ซึ่งมีเรื่องเล่าขานต่อกันมาว่า อัศวินคนหนึ่งซึ่งตกไปเป็นเชลยศึกในช่วงสงครามครูเสด ได้ตั้งอธิษฐานว่า “หากมีโอกาสได้กลับบ้านอีกครั้ง จะนำดวงดาวไปแขวนไว้ระหว่างยอดเขา ณ หมู่บ้านของข้า” แสดงว่าคำอธิษฐานของเขาคงเป็นจริง จึงมีดาวแขวนให้เราเห็นอยู่จนทุกวันนี้ สำหรับ I’Etoile ถือเป็นสัญลักษณ์ของความสมหวังในการขอพร มีขนาดวัดได้ 1.25 เมตร ส่วนโซ่ที่แขวนดาวไว้ยาว 135 เมตร น้ำหนัก 150 กิโลกรัม และมิได้คงทนถาวรตลอดไปในรอบหนึ่งร้อยปี จะมีอันตกลงมา แล้วต้องเปลี่ยนขึ้นไปใหม่อยู่ 2 ครั้งด้วยกัน เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่บนภูเขา ความสวยงามอีกอย่างหนึ่งคือ การได้เห็นบ้านเรือนสวยๆ โดยมีฉากหลังเป็นภูเขา ท้องฟ้า และแน่นอน เมื่อมองดีๆ จะมีดาวดวงนั้นปรากฎให้เห็นอยู่ด้วย ไฮไลท์ของหมู่บ้านแห่งนี้อีกหนึ่งอย่างคือ เครื่องปั้นดินเผาที่เรียกว่า Faïence เป็นภาชนะที่ทำจากดินเผา เครื่องเซรามิก ที่นี่ทำกันมาเนิ่นนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องดินเผาที่ทำได้ประณีตที่สุดในประเทศ ถึงขนาดพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ยังโปรดให้สั่งเข้าไปใช้ภายในวังอีกด้วย อิสระให้ท่านได้เดินเล่นชมเมืองและเก็บภาพความประทับใจ
12.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
จากนั้น นำคณะออกเดินทางสู่เมือง Valensole เส้นทางทุ่งลาเวนเดอร์ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ เมืองนี้มีทุ่งลาเวนเดอร์ที่สวยงามและกว้างใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส คำว่า “ลาเวนเดอร์” มีที่มาจากภาษาลาติน คือ “Lavare” หมายถึง ชำระล้าง ซึ่งคนสมัยก่อนก็นิยมใช้พืชหอมสารพัดประโยชน์ชนิดนี้กันอย่างแพร่หลาย ในช่วงที่มีโรคติดต่อระบาดในกลุ่มชาวเปอร์เซียน กรีก และโรมัน พวกเขาจะนำกิ่งของดอกลาเวนเดอร์มาเผา เพื่อป้องกันโรคติดต่อระบาด ในช่วงต้นศตวรรษที่ประเทศฝรั่งเศส หญิงรับจ้างซักผ้า ก็ยังใช้ดอกลาเวนเดอร์แช่ไว้ในอ่างอาบน้ำ พวกเขาจะวางดอกลาเวนเดอร์ไว้ในตะกร้าผ้า และตามตู้เสื้อผ้า เพื่อให้ผ้าลินินมีกลิ่นหอมกรุ่น และยังช่วยป้องกันมดแมลงต่างๆ ได้อีกด้วย
จนได้เวลาอันสมควร นำคณะเดินทางสู่ เมืองเกรโนเบิล (Grenoble) เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมือง “ประตูสู่เทือกเขาแอลป์” มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสกีรีสอร์ท ป้อมปราการบนเขา พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ คาเฟ่โบราณ และจตุรัสสวยๆ ที่มีสถาปัตยกรรมอายุหลายศตวรรษ ตัวเมืองตั้งอยู่ตรงจุดที่แม่น้ำ Isère และ Drac มาบรรจบกัน และมีเทือกเขาแอลป์ซึ่งมีหิมะปกคลุมล้อมรอบ อิสระให้ท่านได้มีเวลาเดินเล่นชมเมืองสวย
19.00 น.
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
HOTEL MERCURE GRENOBLE CENTRE ALPOTEL หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
วันที่ 8
เกรโนเบิล - อานซี - เบิร์น
07.00 น.
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
08.00 น.
ออกเดินทางสู่ เมืองตากอากาศ ทางภาคตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส ที่เมืองอานซี (Annecy) ระหว่างทางชมบรรยากาศของบ้านเมืองในแถบเทือกเขาแอลป์
จากนั้นชม เมืองอานซี เมืองตากอากาศริมทะเลสาบอานซี ในอดีตอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซาวอย เมืองแถบนี้มีชื่อเสียงทางด้านภูมิประเทศที่สวยงาม โดยมีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง มีแม่น้ำทุยและคลองเล็ก ๆ ไหลผ่านกลางเมืองเก่า จนได้รับฉายาว่า เวนิสแห่งฝรั่งเศส ที่มีศิลปะเฉพาะตัวในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12-16 รวมไปถึงปราสาทเก่าแก่ของเจ้าเมืองอย่างปราสาทอานซี อิสระเก็บภาพความประทับใจของเมือง
12.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
เดินทางสู่ กรุงเบิร์น นครหลวงอันงามสง่าของประเทศ และเป็นเมืองมรดกโลกอันล้ำค่าที่ได้รับการอนุรักษ์มาสู่ปัจจุบัน เบิร์นสร้างขึ้นในยุคกลางของยุโรป องค์การยูเนสโก้ ประกาศให้ส่วนหนึ่งของเมืองเบิร์นเป็นมรดกโลก
ชม หอนาฬิกาที่มีหน้าปัดขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นประตูโบราณตั้งคร่อมอยู่ครึ่งถนน ผ่านชมโบสถ์ และย่านเมืองเก่าที่มีร้านค้าเรียงรายมากมาย ผ่านชมน้ำพุที่ตั้งอยู่กลางถนนเป็นระยะๆ อย่างสวยงาม มีถนนคนเดินที่สวยงามอีกเส้นหนึ่งของยุโรป สมกับเป็นเมืองหลวงของประเทศ
19.00 น.
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
HOLIDAY INN BERN - WESTSIDE HOTEL หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
วันที่ 9
เบิร์น - ซูริค - เดินทางกลับกรุงเทพฯ
08.00 น.
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
09.00 น.
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองซูริค ศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของสวิส เป็นศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำที่ใหญ่ที่สุด และเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
13.30 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG971
วันที่ 10
เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ
05.30 น.
นำท่านเดินทางกลับถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ