บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ กรุงบาร์เซโลนา (Barcelona) เมืองใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศสเปน และเป็นท่าเรือสำคัญที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมหลากยุคสมัย มีสวนสาธารณะสิ่งแวดล้อมและการวางผังเมืองที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ชมผลงานก่อสร้างในศิลปะแบบอาร์ตนูโว ที่แสดงความงดงามอย่างมีชีวิตชีวาโดยฝีมือของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่นาม อันโตนีโอ เกาดี้ (Antonio Gaudi) ผู้ที่ทำให้เมือง บาร์เซโลนา ได้รับฉายาว่า “City of Gaudi” นำท่านชมความงามของเมืองบาร์เซโลนา เมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของสเปน
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ สนามกีฬาโอลิมปิค 1992 และชมทิวทัศน์รอบตัวเมือง บนยอดเขามองต์จูอิค (Mont Juic) จากนั้นนำท่านผ่านชม อนุสาวรีย์คริสโตเฟอร์โคลัมบัส นักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ที่ออกเดินทางจากบาร์เซโลนา ไปพบหมู่เกาะแคริบเบียนและทวีปอเมริกาในปี คศ.1492
จากนั้นนำท่านสู่ถนนช้อปปิ้งสายใหญ่ของบาร์เซโลนา ถนนลารัมบลา (Larambla) ย่านที่มีชื่อเสียงที่สุดของบาร์เซโลนาแหล่งท่องเที่ยวอันเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย ถนนสายเล็กๆ ที่มีความยาวเพียง 1.2 กิโลเมตรแต่มีสีสันเสน่ห์น่าประทับใจทั้งกลางวันและกลางคืน อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าและเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้ง H&M, ZARA, BENETON, TOPSHOP หรือจะช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำซึ่งมีร้าน ตั้งอยู่ตลอดแนวถนน Passeig de gracia ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าอาทิ LOUIS VUITTON, CHANEL, GUCCI, LOEWE และอื่นๆอีกมากมาย (***ร้านค้าในยุโรปส่วนมากจะปิดทำการในวันอาทิตย์)
วันที่ 3
บาร์เซโลน่า - เพนิสโคล่า - บาเลนเซีย
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ (Sagrada Familia) สัญลักษณ์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงใหญ่ถึง 170 เมตร ออกแบบก่อสร้างอย่างสวยงามแปลกตา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882 เป็นผลงานชั้นยอดที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของ อันโตนี เกาดี้ สถาปนิกผู้เลื่องชื่อ มหาวิหารแห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนน Carrer de Mallorca งานชิ้นนี้มีความแปลกตาจากงาน ชิ้นอื่นของเกาดี้ ตรงสีสันอันเรียบนิ่งแบบโทนสีธรรมชาติให้ความรู้สึกที่สงบผ่อนคลายและเยือกเย็น เพราะความที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และยังคงรายละเอียดไว้อย่างดี ดูจากลวดลายสลักเสลาที่ด้านนอกตัวโบสถ์และภายในแสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาในศาสนาอย่างท่วมท้น สมเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เขาอุทิศตนให้กับศาสนจักร ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ยังคงดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2026 อิสระให้ท่านได้บันทึกภาพความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารแห่งนี้
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองเพนิสโคล่า (Peniscola) (ระยะทาง 230 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.) เมืองที่ถูกขนานนามว่า “เมืองแห่งทะเล (City of the Sea)” ในอดีตนั้นชาวคาเทจและชนพื้นเมืองอื่นๆมักจะใช้ท่าเรือที่เมืองแห่งนี้เดินทางไปยังเมืองต่างๆ ปัจจุบันเมืองแห่งนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในแถบเมืองคาสติยอง
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำทุกท่านเข้าชม ปราสาทเพนิสโคล่า (Penicola Castle) ปราสาทที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลที่ถูกสร้างโดยอัศวินเทมพลาร์ในสมัยศตวรรษที่ 13 เพื่อใช้เป็นที่ตั้งในการสร้างกองกำลังและป้องกันชาวมุสลิมบุกมายังคาบสมุทรไอบีเรีย อีกทั้งยังเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกซ์ที่ 13 ในศตวรรษที่ 15 อีกด้วย ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาแวะเวียนมาชมวิวและสถาปัตยกรรมของตัวปราสาท
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองบาเลนเซีย (Valencia) (ระยะทาง 150 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสเปน หนึ่งในเมืองมรดกโลกของประเทศสเปน และยังเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงคือ สโมสรฟุตบอล บาเลนเซีย หรือที่รู้จักกันในนาม ไอ้ค้างคาว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา เมืองบาเลนเซียได้กลายเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ อุตสาหกรรม วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสเปน
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ หอคอยเซอรานอซ (Tower of Seranos) หนึ่งในสิบสองประตูของกำแพงเมืองโบราณเมืองบาเลนเซีย ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงสองประตูเท่านั้น เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ดีที่สุด และยังเป็นเส้นแบ่งระหว่างเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่
จากนั้น นำท่านแวะถ่ายรูปกับ The City of Art and Science สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองบาเลนเซีย ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำตูเรีย ออกแบบโดย Santiago Calatrava และ Felix Candela สองนักออกแบบชื่อดังชาวสเปนและแคนาดาตามลำดับ สถานที่แห่งนี้มีดีไซน์ที่สะดุดตาและโมเดิร์นรวมไปถึงยังเป็นแหล่วงรวมวิวัฒนาการทางด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังมีโรงภาพยนตร์ IMAX ให้สำหรับผู้ชื่นชอบภาพยนตร์ได้ดูอีกด้วย นอกจากนี้บรรยากาศช่วงยามเย็นของสถานที่แห่งนี้ก็เหมาะที่ใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมาก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
SORCOTEL SOROLLA PALACE / OR MELIA VALENCIA**** หรือเทียบเท่า
***หากเมืองบาเลนเซียติด Trade Fair และโรงแรมไม่สามารถรอบรับคณะได้ ทางบริษัทจะจัดที่พักที่เมืองใกล้เคียงให้แทน***
วันที่ 4
มาดริด (พักค้าง 2 คืน)
เช้า
***โปรแกรมท่องเที่ยวในวันที่ 4 และ 5 อาจสลับได้ตามความเหมาะสม และการแจ้งเปิดปิดของสถานที่ท่องเที่ยว***
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ กรุงมาดริด (Madrid) (ระยะทาง 355 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ช.ม.) เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่ และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมื่อพระเจ้าฟิลลิปที่ 3 ได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองวัลลาโดลิด มาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ กรุงมาดริด เพื่อเข้าชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส มีความสวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังใดในทวีปยุโรป พระราชวังหลวงแห่งนี้ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1738 ด้วยหินทั้งหลังในสไตล์บาโรค โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 2,830 ห้อง ซึ่งนอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นคลังเก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้น รวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆอาทิ พัดโบราณ นาฬิกา หนังสือ เครื่องใช้ อาวุธ
นำท่านชม อุทยานหลวง ที่มีการเปลี่ยนพันธุ์ไม้ทุกฤดูกาล ดอกไม้งดงามตลอดปี ชม อนุสาวรีย์เซอร์แวนเตส กวีเอกชาวสเปนที่ตั้งอยู่เหนืออนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ในสวนสาธารณะ (สำหรับคณะเดินทางวันที่ 28 ธ.ค. จะนำท่านถ่ายรูปภายนอกแทน เนื่องจากพระราชวังหลวงปิดให้เข้าชมวันที่ 31 ธ.ค./ 1 ม.ค.)
ได้เวลานำท่านผ่านชม น้ำพุไซเบเลส (Cibeles Fountain) ที่สร้างอุทิศให้แก่เทพธิดาไซเบลีน เป็นสถานที่ที่ใช้ในการเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆของเมือง
ผ่านชม ประตูชัยอาคาล่า (Puerta De Alcala) ที่สร้างถวายพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
จากนั้นนำท่านสู่ พลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์หมีกับต้นมาโดรนา สัญลักษณ์ของเมือง มีเวลาให้ท่านอิสระและช้อปปิ้งตามอัธยาศัยแบบเต็มๆ (***ร้านค้าในยุโรปส่วนมากจะปิดทำการในวันอาทิตย์)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
MELIA AVENIDA / OR MELIA CASTILLA **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1)
***หากเมืองมาดริดติด Trade Fair และโรงแรมไม่สามารถรอบรับคณะได้ ทางบริษัทจะจัดที่พักที่เมืองใกล้เคียงให้แทน***
วันที่ 5
โทเลโด - Las Rozas Village Outlet - มาดริด
เช้า
***โปรแกรมท่องเที่ยวในวันที่ 4 และ 5 อาจสลับได้ตามความเหมาะสม และการแจ้งเปิดปิดของสถานที่ท่องเที่ยว***
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโทเลโด (Toledo) (ระยะทาง 70 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) อดีตเมืองหลวงเก่าของสเปนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสเปน ชื่อเมืองหมายถึงการผสมผสานของ 3 วัฒนธรรม คือ คริสเตียน อิสลามและฮีบรู ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเบื้องล่างล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำตาโค (Tajo) ซึ่งเหมาะแก่การป้องกันการรุกรานจากข้าศึก
นำท่านเที่ยวชมเมือง ข้ามสะพานแบบโรมันดั้งเดิม (ปูเอนเต เด อัลกานตารา) บนเนินเขาท่านจะเห็นกัสตีโย เด ซาน เซร์บานโด ป้อมปราการ ขนาดใหญ่ที่ชาวโรมันสร้างขึ้นเพื่อปกปักษ์รักษาเมือง
นำท่านสู่ เขตเมืองเก่า ผ่านประตูเมืองปูเอร์ตาเดบิซากรา หนึ่งในประตูเมืองที่มีความสำคัญที่สุด นำท่านชมการผสมผสานของสถาปัตยกรรมอารบิค มูเดฆาร์โกธิค เรเนสซองส์
จากนั้นนำท่านเข้าชมความงามของ มหาวิหารโทเลโด (Toledo Cathedral) สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก ใช้เวลาสร้างยาวนาน แต่เดิมชาวมุสลิมใช้เป็นสุเหร่า ต่อมาได้ก่อสร้างรูปทรงแบบโกธิคในปี 1226 และเพิ่มศิลปะแบบมูเดฆาร์ บาร็อค และนีโอคลาสสิค จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในอีก 300 ปีถัดมา ภายในมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน มุมด้านในเป็นอัลคาซาร์ ผลงานของสถาปนิกระดับสุดยอดในสมัยศตวรรษที่ 16 (สำหรับคณะเดินทางวันที่ 28 ธ.ค. จะนำท่านถ่ายรูปภายนอกแทน เนื่องจากมหาวิหารโทเลโดปิดให้เข้าชมวันที่ 1 ม.ค.)
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปบริเวณจุดชมวิวเพื่อชมทิวทัศน์ของ เมืองโทเลโด ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่จิตรกรชื่อดังของสเปน เอล เกรโก (Ei Greco) ได้เคยจำลองลงบนแผ่นภาพอย่างสวยงาม
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (ลิ้มลองเมนูข้าวผัดสเปน)
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ Las Rozas Outlet Village (ระยะทาง 95 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เอาท์เลทขนาดใหญ่ใกล้กรุงมาดริด จุใจกับสินค้าแบรนด์เนมกว่าร้อยร้านค้า อิสระให้ท่านช้อปปิ้งอย่างจุใจกับสินค้าแบรนด์เนมสากลและท้องถิ่นมากมาย อาทิเช่น Armani, Burberry, Bvlgari, Gucci, Geox, Lacoste, Loewe, Michael Kors, New Balance, Onitsuka Tiger, Polo Ralph Lauren, Samsonite, Timberland, etc.
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงมาดริด (ระยะทาง 20 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พัก
MELIA AVENIDA / OR MELIA CASTILLA **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)
***หากเมืองมาดริดติด Trade Fair และโรงแรมไม่สามารถรอบรับคณะได้ ทางบริษัทจะจัดที่พักที่เมืองใกล้เคียงให้แทน***
วันที่ 6
คอร์โดบา - เซบีญ่า
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ “เมืองคอร์โดบา” (Cordoba) (ระยะทาง 397 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ช.ม.) ครั้งหนึ่งเคยถูกครอบครองโดยชาวโรมันและชาวมัวร์จากอาหรับ เมืองคอร์โดบาตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดัลกีเบีย เป็นเมืองศูนย์กลางของวัฒนธรรมมุสลิมในประเทศสเปน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองคอร์โดบาเป็นเมืองมรดกโลกของประเทศสเปน เมืองนี้เป็นเมืองในระบบกาหลิบที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดของยุโรปในสมัยศตวรรษที่10 มีการสร้างมหาวิทยาลัยเน้นการเรียนรู้ด้านวรรณกรรม วิทยาศาสตร์ ปรัชญาและการแพทย์
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเข้าชม มัสยิด (สุเหร่า) เมซกีต้า ที่มีขนาดใหญ่โตและออกแบบอย่างวิจิตร ด้วยการใช้เสาหินจำนวนมากถึง 850 ต้น ต่อยอดเสาด้วยโครงสร้างคานโค้งแบบศิลปะโรมัน ผสมกับลวดลายแบบมัวริช ประดับด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบ อิฐ และหินฉลุลาย ทั่วทั้งอาคาร ด้านในสุดของมัสยิดจะสร้าง “มีหรับ” อันเป็นครื่องหมายแสดงทิศทางของเมืองเมกกะ ต่อมาเมื่อชาวคริสต์เข้ามายึดครองเมืองคอร์โดบา จึงได้มีการสร้างโบสถ์ขึ้นบริเวณกึ่งกลางของมัสยิด และสร้างหอระฆังสูง 93 เมตร ขึ้นในบริเวณสวนส้มและลานน้ำพุ (สำหรับคณะเดินทางวันที่ 27 ธ.ค. จะนำท่านถ่ายรูปภายนอกแทน เนื่องจากมัสยิดปิดให้เข้าชมวันที่ 1 ม.ค.)
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ “เมืองเซบีย่า” Seville (ระยะทาง 142 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ช.ม.) ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย เป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี สวนสาธารณะและสวนดอกไม้ งานเทศกาลที่จัดขึ้นในเมืองเซบีย่าได้รับการกล่าวขานมากที่สุด เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในแคว้นอัลดาลูซีย เมืองนี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของแขกมัวร์มานานกว่า 800 ปี จึงได้รับอิทธิพลศิลปะแบบแขกมัวร์ค่อนข้างมาก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ พร้อมชมโชว์ระบำฟลาเมนโก้อันเลื่องชื่อของสเปน
ที่พัก
HILTON GARDEN INN /OR AYRE HOTEL / OR MELIA LEBOROS **** หรือเทียบเท่า
***หากเมืองเซบีญ่าติด Trade Fair และโรงแรมไม่สามารถรอบรับคณะได้ ทางบริษัทจะจัดที่พักที่เมืองใกล้เคียงให้แทน***
วันที่ 7
เซบีย่า - เมอริด้า
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชม ปลาซาเดเอสปาญา (Plaza De Espanya) ชมกลุ่มอาคารรูปครึ่งวงกลมซึ่งรวมเอาความเป็น สถาปัตยกรรมแบบสเปนที่เรียงต่อกันเป็นแนวยาว แต่ละซุ้มโค้งประตูมีตราประจำจังหวัดไล่เรียงตามตัวอักษร ฝั่งตรงข้ามเป็น อุทยานมาเรีย ลุยซ่า ซึ่งเคยเป็นราชอุทยานที่ร่มรื่นงดงามตระการตาและแฝงความโรแมนติก อิสระให้ท่านเก็บภาพความงามรอบบริเวณ
จากนั้นนำท่านเข้าชม มหาวิหารแห่งเมืองเซบีย่า ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน และใหญ่ที่สุดในสเปน สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ภายในตกแต่งได้อย่างวิจิตรตระการตา สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้ ในห้องเก็บทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีทั้งภาพเขียน เครื่องใช้ในศาสนพิธี ที่ทำมาจากทองคำและเงิน ล้วนแล้วแต่ประเมินค่ามิได้ ตอนกลางโบสถ์เป็นที่ตั้งของ สุสานคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่งสร้างอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติยศ
นำท่านชมและถ่ายรูปกับ หอคอยฆีรัลดา (Giralda Tower) หอศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นโดยชาวมุสลิม เป็นตึกทรงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูง 93 เมตร ติดกันกับมหาวิหารเป็นลานส้มและน้ำพุ เพื่อใช้ในพิธีชำระร่างกายของชาวมุสลิม (**มหาวิหารเมืองเซบีย่า เฉพาะวันอาทิตย์จะเปิดให้เข้าชมช่วงบ่ายเท่านั้น / หากโปรแกรมทัวร์ตรงกับวันดังกล่าว จะนำท่านถ่ายรูปภายนอกแทน)
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมอริด้า (Merida) (ระยะทาง 191 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ช.ม.) เมืองหลวงแห่งแคว้นเอ็กซ์เตรมาดูร่า ในอดีตนั้นเมืองแห่งนี้ถูกใช้เพื่อขยายอาณาเขตอาณาจักรโรมันในช่วงก่อนคริสตศตวรรษ และยับยั้งการรุกรานของชนชาติต่างๆ ปัจจุบันเมืองแห่งนี้ยังคงความสมบูรณ์ของตัวเมืองโรมันเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นโรงละคร สะพาน ท่อส่งน้ำและวิหารต่างๆ ด้วยเหตุนี้ องค์กร UNESCO ได้ประกาศให้เป็น มรดกโลกในปี ค.ศ. 1993
นำทุกท่านเข้าชม โรงละครโรมัน (Teatro Romano) ก่อสร้างโดย Vipsanius Agrippa ในสมัยของจักรพรรดิออกุสตุส สามารถจุคนได้ถึง 6,000 คน โดยสร้างตามแบบของโรงละครโรมันในเมืองปอมเปอี
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
TRYP MEDEA / OR AC BADAJOZ / OR ILLUNION LAS LOMAS **** หรือเทียบเท่า
วันที่ 8
เอโวรา - วิหารโรมัน - มหาวิหารเอโวรา - ลิสบอน
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทาง ข้ามพรมแดนประเทศสเปน-โปรตุเกส มุ่งหน้าสู่ เมืองเอโวรา (Evora) (ระยะทาง 163 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ช.ม.) เมืองพิพิธภัณฑ์ที่มีต้นกำเนิดตั้งแต่สมัยโรมัน และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลก สาขาด้านวัฒนธรรม เมื่อปี ค.ศ.1986 เนื่องจากเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์มา มากกว่า 2,000 ปี
นำท่านชม วิหารโรมัน (Roman Temple) สร้างขึ้นจากหินแกรนิต มีความสูงอยู่ที่ 25 ฟุต หรือ ประมาณ 7.68 เมตร ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการขยายอิทธิพลของโรมันในดินแดนของโปรตุเกสได้เป็นอย่างดี
จากนั้นนำท่านเข้าชม มหาวิหารเอโวรา (Evora Cathedral) โดยมหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1280-1340 ด้วยหินแกรนิตสีกุหลาบ ที่มีความคล้ายคลึงกับมหาวิหารแห่งเมืองลิสบอน หน้าต่างนั้นถูกประดับประดาไปด้วยลวดลายแบบโกธิค ในแต่ละมุมห้องจะถูกประดับประดาด้วยรูปปั้นหินอ่อนที่งดงาม ซึ่งถือได้ว่าเป็นอนุเสาวรีย์โกธิคที่สำคัญที่สุดของโปรตุเกสเลยทีเดียว
กลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลิสบอน (Lisbon) เมืองหลวงของโปรตุเกสตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเตจู้ (Tejo) (ระยะทาง 132 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ช.ม.เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี และเคยประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 17 จึงทำให้อาคารเก่าแก่โบราณได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ผู้นำคนสำคัญของเมืองในสมัยนั้น คือ มาร์คิส เดอร์ ปองปาล (Marquis de Pombal) ได้เริ่มบูรณะและจัดวางผังเมืองลิสบอนใหม่ให้ทันสมัย เกิดการสร้างถนนและอาคารสมัยใหม่กลายเป็นเมืองลิสบอนที่สวยงามมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองจนถึงปัจจุบัน
นำท่านสู่ ถนนคนเดิน (Walking street) อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งทั้งสินค้า แบรนด์เนม อย่าง Louis Vuitton, Gucci, Loewe, YSL และอื่นๆอีกมากมาย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
OLAIS PARK HOTEL / OR RAMADA BY WYNDHAM **** หรือเทียบเท่า
วันที่ 9
มหาวิหารเจอโรนิโม - หอคอยเบเล็ง - ลิสบอน
เช้า
รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่าน ชมหอคอยเบเล็ง (Belem Tower) เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือ เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของ วาสโก ดากามา และนักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม
จากนั้นนำท่านบันทึกภาพกับ อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของ เจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์
ได้เวลานำท่านเข้าชม มหาวิหารเจอโร นิโม ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโก ดากามา ซึ่งได้เดินเรือสู่ประเทศอินเดียได้เป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ.1498 ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้เป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
12.30 น.
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินลิสบอน (LIS) เพื่อเชคอินและทำ Tax Refund
16.00 น.
ออกเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK1760 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.30ชม.) บริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อน บนเครื่องบิน
23.50 น.
เดินทางมาถึง กรุงอิสตันบูล แวะเปลี่ยนเครื่อง อิสระให้ท่านช้อปปิ้งใน DUTY FREE SHOP ภายในสนามบิน
01.50 น.
ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK 68 (ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง) สายการบินฯมีบริการอาหาร 2 รอบ คือ อาหารค่ำและอาหารเช้า
15.05 น.
เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ