วันที่ 3
เชฟชาอูน - โบราณโรมันโวลูบิลสิ - เมืองเมคเนส - เมืองเฟซ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ภายในในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณโรมันโวลูบิลสิ (Roman city of Volubilis) (ระยะทาง 195 กม. ประมาณ 3 ชม.) ปัจจุบัน เหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวคร้ังรุนแรงในปี ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต เมืองโบราณแห่งจักรวรรดิโรมันนี้มีความสำคัญในยุคศตวรรษที่ 3 และล่มสลายถูกปล่อยเป็นเมืองร้างในศตวรรษที่ 11 เมืองโรมันโบราณแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1997
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเมคเนส (Meknes) หนึ่งในเมืองมรดกโลก รับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 อดีตเมืองหลวงในสมัยสุลต่าน มูเล อิสมาอิ แห่งราชวงศ์อะลาวทิ (Alawite Dynasty) ได้ชื่อเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิต มะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ ชมประตูบับมันซูเป็นประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสดและกระเบื้องสีเขียวสด บนผนังสีแสด
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเฟซ ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีเสน่ห์อันน่าประทับใจ
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตราคารอาหารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเที่ยวชม เมืองเฟซ (Fes) เมืองหลวงเก่าในศตวรรษที่ 8 ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองแหล่ง ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมร็ิอกโก
นำท่านสู่ จุดชมวิวบนป้อมปราการ ต่อด้วยชม ประตูพระราชวังหลวงแห่งเฟซ (The Royal Palace) ประตูทางเข้าพระราชวังเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมร็อกโก บริเวณใกล้เคียงพระราชวัง เคยเป็นชุมชนชาวยิวที่ทำรายได้ให้แก่ราชวงศ์
นำท่านเดินผ่านเข้าไปใน เขตเมดิน่า แล้วเหมือนข้ามกาลเวลาย้อนสู่อดีต ในเขตเมืองเก่าได้แบ่งออกเป็น 100 ส่วน มีซอยกวา่ 10,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม.ถึง กว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ย่านงานเครื่องจักสาน ย่านงานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ ระหว่างที่เดินตามทางในเมดิน่าท่านจะไดพบกับน้ำพุธรรมชาติ เพื่อให้ชาวมุสลิมใด้ล้างหน้า ล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด
ชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ ที่มีความสวยงามประณีต
ผ่านชม สุสานของมูเล ไอดริสที่ 2 ที่ชาวโมร็อกโกถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์
ผ่านชม สุเหร่าใหญ่ไคเราวีน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมร็อกโก
นำท่านเดินชม ย่านเครื่องหนัง และแวะชมบ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ ที่อนุรักษ์โดยองคก์รยูเนสโก้
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรม (กรุณาแพ็คกระเป๋า สำหรับพักในโรงแรมกลางทะเลทราย 1 คืน)
ที่พัก
Barcelo Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่ 4
เฟซ - อิเฟรน - เออร์ฟอย์ด - มอร์ซูก้า
เช้า
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอิเฟรน (เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) ข้ามเขา Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สวนต้นซีดาร์ เป็นต้นสนขนาดใหญ่ ผ่านเส้นทางความสูง 3,090 เมตร แวะชมบรรยากาศเมืองตากอากาศ เมืองอิเฟรนตั้งอยู่ที่ความสูง 1,665 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นเมืองแห่งสวนและเขา บ้านเรือนถูกทาด้วยหลังคาสีแดง มีอากาศหนาวเย็น จนได้ชื่อว่าเป็นสวิสเซอร์แลนด์ของโมร็อกโก มีสภาพแวดล้อมคล้ายกับเทือกเขาอัลไพน์ในสวิตเซอร์แลนด์ ถูกสร้างในสมัยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสเมื่อปี 1928 มีสถาปัตยกรรมคล้ายกับในยุโรป
แวะถ่ายภาพกันที่ Ain Vittel และ อนุสรณ์สิงโตหิน (LionHead Monument) ซึ่งตั้งอยู่กลางเมือง เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิเดล (Midelt) อยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอตลาส ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,508 เมตร เพื่อเดินทางสู่ ทะเลทรายซาฮาร่า (เดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตราคารอาหารท้องถิ่น เมนูปลาเทร้าส์
บ่าย
นำท่านเดินทางผ่าน เมืองออร์ฟอย์ด (เดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) เมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางกองคาราวานพ่อค้าที่เดินทางมาจากตะวันออกกลางอย่างซาอุดิอารเบียและซูดาน บนเส้นทางผ่านข้ามเขตแห้งแล้งแต่มีโอเอซิส ที่หุบเขาเดดส์ (Dades) ซึ่งแนวเขาและธรรมชาติของหุบเขาที่ถูกกัดกร่อนจากแรงลม ทำให้หุบเขากลายเป็นรูปร่างต่างๆสวยงาม
เมื่อถึงออร์ฟอย์ด นำท่านเปลี่ยนจากรถบัสเป็นรถ4x4 เดินทางเขา้สู่ โรงแรมกลางทะลทรายซาฮาร่า
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ภายในโรงแรม
ที่พัก
**พักผ่อนค้างคืนโรงแรมกลางทะเลทราย**
วันที่ 5
เมอร์ซูก้า - ทินเฮียร์ - ทอด้าจอร์จ วอซาเซท
เช้าตรู่
นำท่าน ขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้น ณ ทะเลทรายซาฮาร่า (รวมค่าขี่อูฐ1 ท่าน อูฐ1 ตัว)
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ภายในโรงแรม
นั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อกลับออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นรถโค้ชเดิน ทางต่อไปที่ เมืองทินเฮียร์ (เดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
แวะชม โอเอซิส (Tinerhir) ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้งยังมีความชุ่มชื่นของโอเอซิสต้นปาลม์
จากนั้นเดินทางสู่ ทอด้าจอร์จ ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส มีลำน้ำใสไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตา
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตราคารอาหารท้องถิ่น
บ่าย
เดินทางสู่ เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) เดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในปี ค.ศ. 1928 เมืองวอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอภาพยนตร์ และมีการพ้ฒนาพื้นที่ในทะเลทราย เพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การขี่มอเตอร์ไซด์ การขี่อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย เมืองวอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ไดจ้ากที่ไหน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรม
ที่พัก
KARAM PALACE หรือเทียบเท่า
วันที่ 6
วอซาเซท - มาราเกซ
เช้า
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
เดินทางสู่ เมืองไอท์เบนฮาดดู (Ait Benhaddou) เป็นเมืองที่ชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในโมร็อกโก คือ ป้อมไอท์เบนฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Hadou) เป็นป้อมหินทราย ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดัง อาทิเช่น Lawrance of Arabia, Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยเูนสโก้
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
บ่าย
เดินทางสู่ เมืองมาราเกช (Marakesh) เดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้ เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมร็อกโก ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่างๆ นอกจากนั้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิดช่วง ศ.ต.ที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด บ้านเรือนถูกฉาบด้วยปูนสีชมพูและสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
นำท่านชม มัสยิดคูตูเบีย (Koutoubia Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้
มีความสูง 226 ฟิ ต (70 เมตร)
นำท่านสู่ จัตุรัสกลางเมือง (Djemaa Fnaa Square) ที่มีขนาดใหญ่รายล้มไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน ให้ท่านเดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวา ที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมร็อกโกขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝากของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ที่ Fantasia ท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของสถานที่และสีสันของชาวโมร็อกโก ที่ต้อนรับท่านด้วยอาหารและพร้อมชมการแสดงพื้นเมือง
ที่พัก
Palm Plaza Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่ 7
สวนจาร์ดีน มาจอแรล - มัสยิดคูตูเบีย - พระราชวังบาเฮีย - ราบัต
เช้า
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
นำท่านเดินทางไปชม สวนจาร์ดีน มาจอแรล (Jardin Majorelle) หรือ สวนยิปแซงลอเร้นซ์ (Yves Saint Laurent
Gardens) ชื่อนี้เป็นที่คุ้นเคยของสาวๆที่ชื่นชอบแฟชั่น สุดหรูของ Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่น ดีไซน์
แห่งปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสวนแห่งนี้ ชมสวนที่ถูกออกแบบโดยใช้สีฟ้า และสีส้มเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสา แจกัน และชมนานาพรรณของต้นไม้แห่งทะเลทราย
นำท่านชม สวนเมนารา (Menara Garden) ซึ่งแต่เดิมสร้างเป็นบ่อเก็บน้ำ และล้อมรอบด้วยต้นมะกอกและต้นสน มีตัวอาคารที่งดงามและเทือกเขาแอตลาสเป็นฉากหลัง
นำท่านเยี่ยมชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) เป็นพระราชวังของท่านมหาอามาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุคกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกแบบเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น ตัวพระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนป้ัน มีการวาดลายบนไม้และประดับประดาด้วยโมเสดเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตราคารอาหารไทย
บ่าย
เดินทางสู่ คาซาบลังก้า (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) มีความหมายในภาษาสเปนว่า บ้านสีขาว เป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานระหว่างประเทศแล้ว ยังถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Casablanca ออกฉายในปีค.ศ. 1942
แวะถ่ายภาพที่ โบสถ์คาซาบลังกา (Casablanca Cathedral) โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเยซูโบสถ์โรมันคาทอลิกเก่า สร้างในปี ค.ศ. 1930
จากนั้นแวะถ่ายภาพ จัตุรัสโมฮัมเหมดที่ 5 (Mohammed V Square) ปัจจุบันเป็นศูนย์ปกครองของเทศบาล อาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบฮิสแปนิก - มุสลิม อาคารสีขาวประดับด้วยหินสีทอง เป็นที่ตั้งของสวนเขตร้อนที่สวยงาม ในปี1976 ได้สร้างน้าพุเพิ่มพร้อมกับการแสดงดนตรีน้ำพุ
จากนั้นอิสระท่านได้ช้อปปิ้ง เลือกซื้อของฝากของที่ระลึกกันที่ Morocco Mall
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตราคารอาหารท้องถิ่น เมนูซีฟู้ด
ที่พัก
Atlas Almohades หรือเทียบเท่า
วันที่ 8
คาซาบลังก้า - ราบัต - อาบูดาบี
เช้า
รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
นำท่านชมเข้าชมด้านใน สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (รวมค่าเข้าชมแล้ว) สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปีค.ศ. 1993 ในวาระเฉลิมพระชนม์ครบ 60 พรรษาของกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 แห่งโมร็อกโก เป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่มาก จุคนได้ 25,000 คน และมีหอคอยสูง 210 เมตร มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเมืองเมกกะ และเมดิน่าแห่งซาอุดิอาระเบีย สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมร็อกโกทุกแขนง อิสระชมทิวทัศน์รอบๆภายนอกสุเหร่าอันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งทะเล ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงามของชาวโมร็อกโกที่ชอบมาเดินเล่น
เดินทางสู่ เมืองราบัต (Rabat) เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปีค.ศ.1956 เมื่อโมร็อกโกหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศส และเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตราคารอาหารจีน
บ่าย
ชม สุเหร่าหลวง ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมร็อกโกจะทรงม้าจากพระราชว้งมาย้งสุเหร่า เพื่อประกอบศาสนกิจ
ชม สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 พระอัยกาของกษตัริยอ์งค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื่องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 แต่ไม่สำเร็จ
นำท่านเข้าชม ป้อมอูดายา (Kasbah of the Udayas) หรือ ป้อมสีฟ้าขาว สร้างในศตวรรษที่ 12 เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Mission Impossible ปี 15
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน
จากนั้นอิสระช้อปปิ้ง ใด้ตามอัธยาศัย
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินราบัต
15.00 น.
ถึง สนามบินราบัต นำท่านออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย
19.45 น.
บินลัดฟ้าสู่ เมืองอาบูดาบี โดย สายการบินเอทิฮัด (Etihad Airways) เที่ยวบินที่ EY616
06.25 น.
ถึง สนามบินอาบูดาบี รอเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย
08.50 น.
ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดย สายการบินเอทิฮัด (Etihad Airways) เที่ยวบิน EY408
18.25 น.
คณะเดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ