วันที่ 1
กรุงเทพฯ - พนมเปญ - อนุสาวรีย์อิสรภาพ - วัดพนม - คุกตวลสเลง - พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล - พระเจดีย์เงิน - ตลาดชาทะไม
04.00 น.
พร้อมกันที่ สนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ขาออก ชั้น 3 ประตู 1 เคาท์เตอร์สายการบินไทยแอร์เอเชีย Thai Air Asia (FD) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน
06.30 น.
ออกเดินทางสู่ เมืองพนมเปญ โดยเที่ยวบิน FD 608 (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง กับ 10 นาที)
หมายเหตุ
ในกรณีต้องการล็อกที่นั่งไปกลับค่าใช้จ่ายในการล็อกที่นั่งไปกลับ 200 บาท/ท่าน (ตั๋วเครื่องบินของคณะเป็นตั๋วกรุ๊ปแบบ Random ไม่สามารถล็อกที่นั่งได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขสายการบิน ในกรณีล็อกที่นั่ง กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ ณ วันทำการจองทัวร์ค่ะ
07.40 น.
เดินทางถึง สนามบินพนมเปญ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นที่กัมพูชา เท่ากับประเทศไทย)
09.00 น.
เดินทางถึง กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ระยะทางประมาณ 15 ก.ม.
จากนั้น เดินทางถึง อนุสาวรีย์อิสรภาพ หรือ วิมานเอกราช (Independence Monument) อนุสาวรีย์เอกราชกัมพูชาสร้างขึ้นเมื่อปี 1958 เปรียบเสมือนดอกบัวขนาดใหญ่ที่บานอยู่ใจกลางกรุงพนมเปญเพื่อรำลึกถึงการหลุดพ้นจากการปกครองของฝรั่งเศส กัมพูชาอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปี 1863-1953 เส้นทางสู่อิสรภาพของกัมพูชานั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะวีรบุรุษผู้กล้าหลายพันคนจำต้องสละชีวิตเพื่อแลกมา นอกจากนี้ อนุสาวรีย์แห่งนี้ยังเป็นอนุสรณ์ถึงชาวกัมพูชาทั้งหญิงและชายที่เสียสละชีวิตเพื่อชาติด้วย
เดินทางสู่ วัดพนม (Phnom Temple) วัดพนมเป็นวัดที่สำคัญมาก ซึ่งกรุงพนมเปญก็มีที่มาจากวัดแห่งนี้ด้วย ดังมีตำนานพื้นบ้านกล่าวว่า เมื่อราวหกร้อยปีก่อน มีเศรษฐีนีชาวเขมรผู้หนึ่งชื่อเพ็ญ ได้ไปพบพระพุทธรูปน้ำพัดมาเกยฝั่งหลายองค์ นางมีศรัทธาแก่กล้าในพระศาสนา จึงได้สร้างวัดขึ้นบนยอดเขาที่อยู่ใกล้ๆ กันเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเหล่านั้น แม้เขาลูกนี้จะสูงเพียง 27 เมตร แต่ก็ถือเป็นเขาที่สูงที่สุดในละแวกนี้ จึงเรียกกันเรื่อยมาว่า "พนมเปญ" แปลว่า "เขายายเพ็ญ"
เดินทางถึง คุกตวลสเลง (Tuol SalengGenocide Museum) "ตวลสเลง" เป็นชื่อของคุกสมัยที่เขมรแดงครองประเทศ ดั้งเดิมคุกนั้นเป็นโรงเรียนมาก่อน ตวลสเลง มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า s-21 (Security Office 21) ใช้กักขังและขู่เข็ญคนที่คิดว่าเป็นศัตรู หรือเป็นกบฏต่อประเทศชาติและรัฐบาล ทุกภูมิภาค ทุกระดับชั้น รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผู้ถูกคุมขังสารภาพผิด และลงท้ายด้วยการฆ่า จุดหมายปลายทางของนักโทษทุกคนในนี้ ทางเดียวที่จะออกไปจากคุกแห่งนี้คือ กา สิ้นลมหายใจ แต่กว่าที่จะถึงเวลาได้ออกไปนั้นต้องเผชิญกับการกระทำที่ทารุณ โดยเหล่าบรรดานักโทษจะถูกทรมานด้วยวิธีการต่างๆ นานา
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์นานาชาติ
เดินทางสู่ พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล (Royal Palace Of Phnom Penh) พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคลเป็นกลุ่มอาคารพระราชมนเทียรของพระมหากษัตริย์กัมพูชา พระเจ้าแผ่นดินกัมพูชาเสด็จประทับที่นี้นับแต่แรกสร้างใน ค.ศ. 1866 และเสด็จไปประทับที่อื่นเมื่อบ้านเมืองวุ่นวายเพราะเขมรแดงเรืองอำนาจ ชาวไทยมักเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่า "พระราชวังเขมรินทร์" พระบรมราชวังนี้สร้างขึ้นหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์ ทรงย้ายเมืองหลวงจากกรุงอุดง มายังกรุงพนมเปญในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19
สักการะ พระเจดีย์เงินหรือ วัดพระแก้ว เหตุที่เรียกว่า พระเจดีย์เงิน เพราะว่า พื้นของอาคารปูลาดด้วยแผ่นเงินกว่า 5,000 แผ่น แต่ละแผ่นหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนักทั้งสิ้น 5 ตัน แต่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม "วัดพระแก้วเขมร" ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของกัมพูชาอยู่สององค์คือ พระแก้วมรกตสมัยศตวรรษที่ 17 และพระพุทธรูปทองที่หล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ 90 กิโลกรัม ประดับด้วยเพชร 9,548 เม็ด เม็ดที่ใหญ่ที่สุดหนักถึง 25 กะรัต
19.00 น.
บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินช้อปปิ้ง ณ ตลาดชาทะไม อิสระให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองเสียมเรียบตามอัธยาศัย
ที่พัก
SAMNANGLAOR HOTEL โรงแรมหรูหราระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า**
วันที่ 2
พนมเปญ - เสียมเรียบ - ล่องเรือโตนเลสาบ - ศาลองค์เจ๊ก - องค์จอม - ชมโชว์ระบำอัปสรา
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางสู่ เมืองเสียมเรียบ ชมวิวทิวทัศน์และวิถีชีวิตชาวกัมพูชาระหว่างเส้นทาง (ระยะทาง 350 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง)
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้น เดินทางสู่ โตนเลสาบ (Tonle Sap Lake) นำท่านล่องเรือชม โตนเลสาบ หรือ ทะเลสาบเขมรเป็นทะเลสาบน้ำจืด ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางประเทศกัมพูชา มีพื้นที่ประมาณ 7500 ตารางกิโลเมตร ทะเลสาบเขมรเกิดจากแม่น้ำโขง ซึ่งแม่น้ำโขงไหลผ่านมีความยาวถึง 500 กิโลเมตร ครอบคลุมถึงพื้นที่ 5 จังหวัดของกัมพูชา ได้แก่ กำปงชนัง โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมราฐ เป็นทะเลสาบที่มีปลาน้ำจืดชุกชุมมากแห่งหนึ่งประมาณ 300 ชนิด
บ่าย
นำทุกท่านกรายสักการะ ศาลองค์เจ๊ก องค์จอม ที่มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ในสมัยนั้นองค์เจ๊ค องค์จอม มีความสามารถในเรื่องการรบเป็นอย่างมากเป็นที่เกรงขามของข้ำศึกศัตรู เป็นผู้ที่มีจิตใจงามเป็นอย่างมากในยามว่างเว้นจากศึกสงคราม หากมีนักโทษคนไหนที่ไม่ได้ทำความผิดที่ร้ายแรงมาก พระองค์ก็จะขออภัยโทษให้ จึงเป็นที่เคารพรัก นับถือของคนในเมืองเสียมเรียบเป็นอย่างมาก 400 ปีต่อมา กัมพูชาเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และได้มีการศึกษาประวัติของเจ้าเจกและเจ้าจอม และเห็นว่าเป็นบุคคลตัวอย่างที่ประพฤติตนดีมาก จึงได้มีการสร้างรูปเคารพ
19.00 น.
บริการอาหารค่ำ แบบบุฟเฟ่ต์ อิ่มอร่อยกับอาหารนานาชาติชนิด
พร้อมชมโชว์การแสดงชุด ระบำอัปสร ศิลปะพื้นเมืองของกัมพูชาที่เป็นการแสดงที่สวยงาม ให้ทุกท่านได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกไว้เป็นความทรงจำ
หลังอาหารนำท่านเดินช้อปปิ้ง ณ ตลาดซาจะ อิสระให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองเสียมเรียบตามอัธยาศัย
ที่พัก
MEMORIE HOTEL หรือเทียบเท่า**
วันที่ 3
นครธม - ปราสาทบันทายศรี - ปราสาทบายน - ปราสาทตาพรหม - นครวัด - ตลาดซาจ๊ะ - สนามบินเสียมเรียบ - ดอนเมือง
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น เดินทางสู่เมืองพระนครหรือ นครธม ผ่านชมสะพานนาคราช เพื่อเข้าสู่เมืองนครธม ซึ่งเป็นสะพานที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์เขมรใช้เป็นทางเสด็จผ่านเข้าออกเมืองนครธม ประตูเมือง ที่มียอดเป็นรูปพระโพธิสัตว์หันพระพักตร์ไปทั้ง 4 อาณาจักรเขมร สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขตครอบ คลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของ นครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้าง มากมายนับแต่สมัยแรกๆ
นำทุกท่าน เข้าชมปราสาทบายน เป็นโบราณสถานที่สำคัญ ที่สุดเป็นลำดับที่สองที่ควรมาเที่ยวชมเมื่อมาเยือนอังกอร์ สร้างขึ้นเมื่อปลายคริสต์ ศตวรรษที่ 12 ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทบายนสร้างขึ้นจากหินทราย และเป็นสัญลักษณ์ของเขาพระสุเมรุ เมื่อมองจากด้านนอก จะแลดูคล้ายกับเขาวงกต แต่ความจริงแล้ว ลักษณะของปราสาทบายนนั้นสร้างขึ้นตามแบบแผนของยันตระ ซึ่งเป็นเรขาคณิตของพุทธศาสนาของอินเดีย เป็นสัญลักษณ์ของมันดาล่า หรือรูปวงกลมอันเป็นสัญลักษณ์แทนจักรวาลและพลังศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู เมื่อได้เข้าไปสัมผัสยังปราสาทแห่งนี้จะรู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองเราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ประทับใจของปราสาทแห่งนี้
จากนั้น
นำท่านชม ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm) เป็นปราสาทที่ถูกทิ้งร้างมานาน ถึง 500 ปี สร้างขึ้นในปี พศ.1729 เป็น ปราสาทหินในยุคสุดท้ายของอาณาจักร ขอม สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนา ปราสาทตาพรหมจึง เป็นทั้งปราสาทและวัดทางพุทธศาสนาไปในตัว ภายในปราสาทมีภาพแกะสลักอัน เป็นเรื่องราวทางพุทธประวัติ นิกายมหายาน ทั้งหน้าบัน และทับหลัง แต่ในสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 8 ที่ทรงเลื่อมใสในศาสนาฮินดู ภาพสลักบางภาพได้ถูกดัด แปลงให้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาฮินดู ส่วนพระพุทธรูป ก็ถูกดัดแปลงให้เป็นศิวะลึงค์
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน บุฟเฟต์
จากนั้น ชมสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปราสาทนครวัด ที่เปรียบเสมือน วิมานของเทพเจ้าสูงสุดที่บรรจงชะลอลงมาประดิษฐานไว้ในโลกมนุษย์และถือว่า เป็นสถานที่สุดยอดของการเดินทางไปในครั้งนี้ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 1650-1720 โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 โดยถวายเป็นพุทธบูชา ชมรูปสลักนางอัปสรนับหมื่น องค์ ชมภาพแกะสลักนูนต่ำ การกวนเกษียรสมุทร ซึ่งเป็นพิธีกรรมโบราณอัน ศักดิ์สิทธิ์น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านจะได้ชมภาพการยกกองทัพของพระเจ้า สุริยวรมันที่ 1 โดยมีภาพกองทัพของเสียมกุก ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพวกเราชาวไทยปรากฏอยู่
บ่าย
เดินทางชม ปราสาทบันทายศรี หรือเรียกตามสำเนียงเขมรว่า บันเตียไสร หมายถึง ปราสาทสตรีหรือป้อมสตรี สร้างตอนปลายสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมินทร์(พ.ศ.1510) เป็นปราสาทหลังเล็กๆกลุ่มหนึ่ง สร้างด้วยหินทรายสีชมพูแกะและสลักภาพนูนสูงได้ อย่างสวยงามมากเป็นปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา มีความ กลมกลืนอย่างสมบูรณ์ และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 1000 ปี แต่ ลวดลายก็ยังมีความคมชัด เหมือนกับสร้างเสร็จใหม่ ๆ ปราสาทบันทายศรี มีความ อ่อนช้อยงดงามช่างได้แกะสลักอย่างวิจิตบรรจงจนทำให้เหล่านางอัสราและเทพธิดาที่ประดับบนผนังดูเสมือนมีชีวิตจริงๆ
จากนั้น นำทุกท่านเดินทางไป ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง ตลาดซาจ๊ะ ชอปปิ้งสินค้าท้องถิ่น ของเมืองเสียมเรียบ ของตลาดซาจ๊ะก็ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋า ผ้าทอ ของฝากพวกพวง กุญแจและอื่นๆ เครื่องเงิน อัญมณี และอื่นๆ อีกมากมายให้ทุกท่านได้ เลือกซื้อ ของฝากกลับเมืองไทย
เย็น
บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
21.45 น.
ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการไทยแอร์เอเซีย เที่ยวบินที่ FD 619
22.50 น.
เดินทางถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม