วันที่ 3
ไคโร - อเล็กซานเดรีย - หลุมฝังศพใต้ดิน - ชมเสาปอมเปย์ - สวนมอนตาซ่าร์
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
คณะเตรียมออกเดินทางจากโรงแรม เพื่อมุ่งหน้าสู่ เมืองอเล็กซานเดรีย
นำเที่ยวชม เมืองอเล็กซานเดรีย (ALEXANDRIA) ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เดิมทีเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่ชื่อว่า ราคอนดาห์ เมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332 ปีก่อนคริสตกาลหรือประมาณ 2,300 กว่าปีก่อนพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชมาพบ จึงให้มีการปรับปรุงขยายเมืองเพื่อเป็นเมืองหลวงของอียิปต์และตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อของพระองค์ เมืองอเล็กซานเดรียนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญในตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของ ราชินีเลอโฉมชื่อก้องโลก พระนางคลีโอพัตรา และนายทหาร มาร์ค แอนโทนี ซึ่งเรารู้จักกันดี และปัจจุบันเมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ เป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก
ชม หลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย (Catacomb) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง สุสานของขาวโรมันในอดีตมีกว่า 50,000 ศพ สุสานใต้ดินแห่งนี้มีสามชั้น ชั้นที่ 1 มีไว้สำหรับลำเลียงโลงและศพ ชั้นที่ 2 เป็นที่ฝังศพ และชั้นที่ 3 ใช้เป็นที่รวมญาติเพื่อระลึกถึงผู้ตาย โดยมีการเลี้ยงสังสรรค์กันทั้งวัน ซึ่งเล่ากันว่าตอนที่นักโบราณคดีค้นพบที่นี่เป็นครั้งแรก บนโต๊ะยังมีขวดไวน์และจานวางอยู่
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านชม เสาปอมเปย์ (POMPEII’S PILLAR) เป็นสิ่งสำคัญโบราณในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เป็นเสาแกรนิตสูง 27 เมตร ปอมเปย์ เป็นชื่อเพื่อนสนิทของ ซีซ่า ซึ่งภายหลังทั้งสองได้กลายเป็นศัตรูกันและปอมเปย์ได้หลบหนีมายังเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ สถานที่ที่เขาถูกฆ่าตายและเล่าขานกันว่า ซีซ่าได้เผาศีรษะของปอมเปย์ที่เสานี้ นอกจากนั้นสถานที่นี้ในอดีตยังเคยมี อาโครโปลิส ซึ่งมีชื่อว่า เซราเปียม สร้างขึ้นเพื่อถวาย เทพเซราปิส ในสมัยของ ปโตเลมี แต่ในที่สุดถูกทำลายโดยพวกคริสเตียน ปัจจุบันนี้เหลือเพียงแค่เสาแบบกรีก ตั้งอยู่อย่างโด่ดเด่น และสฟิงซ์อีกสองตัวภายนอก
จากนั้นชม ป้อมปราการซิทาเดล(CITADEL) ซึ่งในอดีตนั้นเป็นที่ตั้งของประภาคารฟาโรส ถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ปัจจุบันเหลือเพียงส่วนที่เป็นฐานและได้มีรับการทะนุบำรุงต่อเติมจากสุลต่านเกย์ตเบย์ โดยรวบรวมซากเดิมบางส่วนเข้ามา พร้อมชมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สวยงาม
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ บุฟเฟต์บนเรือล่องไปตามแม่น้ำไนล์ (DINNER ON NILE CRUISE)
ชมบรรยากาศอันงดงามยาม ค่ำคืนสองฟากฝั่งแม่น้ำ พร้อมชมและร่วมสนุกกับการแสดง ระบำหน้าท้อง(Belly Dance) อันเลื่องชื่อและการแสดงพื้นเมืองต่างๆประกอบดนตรี
ที่พัก
PYRAMID PARK HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 4
ไคโร - พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอียิปต์ - ตลาดข่านแอลคาลิลี่
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ อันเลื่องชื่อ เป็นสถานที่ที่รวมศิลปะวัตถุโบราณมากมายที่สุด ชมโลงศพทองคำแท้พร้อมหน้ากากทองคำของฟาโรห์ตุตันคาเมนอันดังก้องโลก และสมบัติส่วนตัวอีกมากมายของพระองค์ อาทิเช่น เตียงบรรทม พัด ของเล่นต่างๆ รถศึกและเก้าอี้บรรลังก์ทองคำ ซึ่งภาพบนพนักเก้าอี้ที่โรแมนติกมากเป็นภาพของฟาโรห์ตุตันคาเมนประทับอยู่บนเก้าอี้และมีพระมเหสีของพระองค์กำลังทาน้ำมันหอมให้ ทั้งคู่ใส่รองเท้าแตะคนละข้างอันแสดงถึงความรักความเผื่อแผ่อันลึกซึ้ง นอกจากนี้ท่านยังจะได้ชม สมบัติอันล้ำค่าอื่นๆ อีกจำนวนมากเช่น แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ ฝีมือประณีต สิ่งของทั้งหมดล้วนมีอายุเก่าแก่กว่า 3,000 ปี (ค่าเข้าชมมัมมี่ของพระมหากษัตริย์ทั้ง 11 พระองค์ไม่รวมอยู่ในรายการ)
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
จากนั้นนำท่านไปช้อปปิ้งสิ้นค้าพื้นเมืองอันงดงามที่ “ตลาดข่านเอลคาลีลี” ตลาดสำคัญทางการค้าขายของพื้นเมืองและ สินค้าที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงไคโรประเทศอียิปต์ ท่านสามารถเลือกซื้อของพื้นเมืองสวยๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหอมที่ทำด้วยมือ สินค้าต่างๆ เครื่องทองรูปพรรณและเพชรพลอยลวดลายแบบอาหรับ พรม และของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
PYRAMID PARK HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 5
ไคโร - อัมมาน - มาดาบา - เม้าท์ เนโบ - เดดซี - เพตรา
04.00 น.
รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรม และเตรียมตัวเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม
06.45 น.
จากนั้นเดินทางสู่สนามบิน เพื่อบินสู่ เมืองอัมมาน เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน โดยเที่ยวบิน MS719
09.05 น.
คณะเดินทางถึง สนามบินนานาชาติ QUEEN ALIA ณ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นำท่านเดินทางสู่เมือง มาดาบา หรือ เมืองแห่งโมเสก
ชม โบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์ แห่งเซนต์จอร์จถูกสร้างในราวปี ค.ศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้นแสดงถึงพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เยรูซาเลม, แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เขาไซนาย, อียิปต์ ฯลฯ
นำท่านเดินทางลงทางทิศใต้เพื่อชม เมาท์ เนโบ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนเขาซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นบริเวณที่เสียชีวิตและฝังศพของโมเสส ผู้นำชาวยิวส์เดินทางจากประเทศอิยิปต์มายังเยรูซาเล็ม
ชม โบสถ์แห่งเมาท์เนโบ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวปี ค.ศ.300 - 400 ในช่วงยุคไบแซนไทน์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงโมเสส ภายในโบสถ์ประกอบไปด้วยภาพโมเสกสีบนพื้นโบสถ์อันล้ำค่ำ แสดงถึงภาพชีวิตสัมพันธ์ระหว่างคน, สัตว์ และธรรมชาติ, รูปคน ฯลฯ และยังมีแท่นพิธี ม้านั่ง ตามรูปแบบของศาสนาคริสต์ไว้ประกอบพิธีต่าง ๆ และอนุญาตให้ใช้ในปัจจุบัน, รูปภาพและรายละเอียดต่างๆ แสดงถึงการบูรณะโบสถ์, บ่อศีลจุ่ม ฯลฯ ในปี ค.ศ. 2000 โป๊ป จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาแสวงบุญที่นี่และได้ประกาศให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ชมอนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธ์แห่งโมเสส ออกแบบเป็นลักษณะเป็นไม้เท้าในรูปแบบไม้กางเขน โดยอุทิศเป็นสัญลักษณ์ของโมเสส และพระเยซู เชิญถ่ายรูป ณ จุดชมวิว โดยในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ท่านสามารถมองเห็น แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เมืองเบธเลเฮม และประเทศอิสราเอล ได้จากจุดนี้อย่างชัดเจน
สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่ ทะเลเดดซี
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านชม ทะเลเดดซี ทะเลที่ถูกบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์ ว่าเป็นจุดที่ต่ำทีสุดในโลก มีความต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร และ มีความเค็มที่สุดในโลกมากกว่า 20 เปอร์เซนต์ของน้ำทะเลทั่วไป ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยอาศัยอยู่ได้ในท้องทะเลแห่งนี้ เชิญท่านอิสระในการลงเล่นน้ำทะเลและ พิสูจน์ ความจริงว่าท่านลอยตัวได้จริงหรือไม่ (การลงเล่นน้ำในทะเลมีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่างๆ ควรฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่น)
เดินทางสู่ เมืองเพตรา
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ภายในโรงแรมที่พัก
ที่พัก
KINGWAY HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 6
นครเพตรา - กรุงอัมมาน
เช้า
รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารเช้าของโรงแรม
ชม เมืองเพตรา ประเทศจอร์แดน (ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของแห่งโลกใหม่ จากการตัดสินโดยการโหวตจากบุคคลนับล้านทั่วโลกในวันมหัศจรรย์ 07/ 07/ 07) มหานครสีดอกกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งโมเสส (WADI MUSA) มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปีการพังทลายของเมืองหลังจากเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งจนสูญหายนับพันปีจวบจนในปี ค.ศ. 1812 นักสำรวจเส้นทางชาวสวิส นาย โจฮันน์ ลุดวิก เบิร์กฮาดท์ ได้ค้นพบนครศิลาแห่งนี้ และนำไปเขียนในหนังสือชื่อ “TRAVEL IN SYRIA” จนทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน
นำท่าน ขี่ม้า (รวมอยู่ในค่าบริการแล้ว แต่ไม่รวมค่าขี่ลา, ขี่อูฐ, รถม้าลาก ฯลฯ สนในกรุณาติดต่อที่หัวหน้าทัวร์) ประมาณ 800 เมตรบนถนนทรายเพื่อตรงเข้าสู่หน้าเมือง พร้อมชมทัศนียภาพรอบข้างที่เป็นภูเขาทั้งสองฝั่ง
นำท่านเดินเท้าเข้าสู่ ถนนเข้าเมือง SIQ เส้นทางมหัศจรรย์กว่า 1.5 กิโลเมตร ที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการซัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน เดินชมความสวยงามของผาหินสีชมพูสูงชันทั้ง 2 ข้างคล้ายกับแคนยอนน้อยๆและสิ่งก่อสร้าง
พบกับความสวยงามของ มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ ( EL-KHAZNEH / TREASURY) สันนิษฐานว่าจะสร้างในราวศตวรรษที่1-2 โดยผู้ปกครองเมืองในเวลานั้น เป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาสีชมพูทั้งลูก มีความสูง 40 เมตร และ มีความกว้าง 28 เมตร วิหารแห่งนี้ได้ถูกออกแบบโดยได้รับอิทธิพลศิลปะของหลายชาติเข้าด้วยกัน เช่น อิยิปต์, กรีก, นาบาเทียน ฯลฯ ภายในประกอบด้วย 3 ห้อง คือ ห้องโถงใหญ่ตรงกลาง และ ห้องเล็กทางด้านซ้ายและขวาเดิมทีถูกเชื่อว่าเป็นที่เก็บขุมทรัพย์สมบัติของฟาโรห์อิยิปต์ นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีได้ลงความเห็นตรงกันว่า น่าจะสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับผู้ปกครองเมือง, ใช้เป็นสถานที่ทำพิธีกรรมทางศาสนา
ชม โรงละครโรมัน (ROMAN THEATRE) ที่แกะสลักจากภูเขาโดยมีแนวราบที่นั่งเท่ากันและมีความสมดุลย์ได้อย่างน่าทึ่ง สันนิษฐานเดิมทีสร้างโดยชาวนาบาเทียน ต่อมาในสมัยที่โรมันเข้ามาปกครอง ได้ต่อเติมและสร้างเพิ่มเติม มีที่นั่ง 32 แถว จุผู้ชมได้ประมาณ 3,000 คน อิสระในการเดินชมและถ่ายรูปภายในเมืองเพตรา
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
เดินทางกลับสู่ กรุงอัมมาน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
G.T. GRAND PALACE หรือเทียบเท่า
วันที่ 7
กรุงอัมมาน - นครเจอราช - ซิตี้ทัวร์ - สนามบิน
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางขึ้นสู่ทางเหนือของประเทศจอร์แดน เพื่อชม นครเจอราช (JERASH) หรือ “เมืองพันเสา” เป็นอดีต 1 ใน 10 หัวเมืองเอกตะวันออกอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน สันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะถูกสร้างในราว 200 - 100 ปีก่อนคริสตกาล เดิมทีในอดีตเมืองแห่งนี้ชื่อว่า ในปี ค.ศ. 749 นครแห่งนี้ได้ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำลาย และถูกฝังกลบโดยทรายหลังจากนั้นก็ได้สูญหายไปเป็นนับพันปี
ชม ซุ้มประตูกษัตรย์เฮเดรียน และ สนามแข่งม้าฮิปโปโดรม
นำท่านเดินเข้าประตูทางทิศใต้ชม โอวัลพลาซ่า สถานที่ชุมนุม พบปะ สังสรรค์ของชาวเมือง วิหารเทพซีอุส โรงละครทางทิศใต้ (สร้างในราวปี ค.ศ. 90-92 จุผู้ชมได้ถึง 3,000 คน มีจุดเสียงสะท้อนตรงกลางโรงละคร เชิญทดสอบกับความอัศจรรย์เพียงพูดเบาๆก็จะมีเสียงสะท้อนก้องเข้ามาในหูของเรา
ชม วิหารเทพีอาร์เทมิส เป็นเทพีประจำเมืองเจอราช สร้างในราวปี ค.ศ. 150 สร้างขึ้นพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีบวงสรวง และบูชายัญต่อเทพีองค์นี้ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง ชั้นใน
นำท่านเดินเข้าสู่ ถนนคาร์โด หรือ ถนนโคลอนเนด ถนนสายหลักที่ใช้เข้า-ออกเมืองแห่งนี้ บนถนนนั้นยังมีริ้วรอยทางของล้อรถม้า,ฝาท่อระบายน้ำ,ซุ้มโคมไฟ,บ่อน้ำดื่มของม้า
ชม น้ำพุใจกลางเมือง (NYMPHAEUM) สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด และตกแต่งด้วยเทพต่างๆประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ ฯลฯ
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านชม รอบเมืองหลวงกรุงอัมมาน เมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนภูเขา 7 ลูก และมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 6,000 ปี ผ่านชมย่านเมืองเก่า เมืองใหม่ ย่านธุรกิจ ตลาดใจกลางเมือง ย่านคนรวย ฯลฯ
ขึ้นชม ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (CITDAEL) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้าน การเมืองต่าง ๆรอบเมือง เชิญอิสระถ่ายรูปตรงจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองแห่งนี้ โดยมีฉากหลังเป็นโรงละครโรมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดน จุผู้ชมได้ถึง 6,000 คน และ ตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง อันแปลกตายิ่งนัก
ชม วิหารเฮอร์คิวลิส ที่สันนิษฐานว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 161-180 ในสมัยโรมัน พระราชวังเก่าอุมเมยาด สร้างขึ้นในประมาณปี ค.ศ. 720 โดยผู้นำชาวมุสลิม ของราชวงศ์ ในสมัยมุสลิมได้เข้ามาปกครองประเทศจอร์แดน ซึ่งภายในประกอบห้องทำงาน, ห้องรับแขก ฯลฯ
ผ่านชม พระราชวังของพระมหากษัตริย์อับดุลลาห์ที่สอง (RAGHADAN PALACE) ที่ตั้งอยู่บนภูเขามี ทำเลที่สวยงามมากที่สุดในกรุงอัมมาน และมีทหารคอยเฝ้าดูแลตรวจตราอย่างเข้มงวด
ให้ท่านได้ช้อปปิ้งตลาดพื้นเมืองหรือห้างสรรพสินค้า ตามอัธยาศัย
ค่ำ
**อิสระอาหารเย็น ตามอัธยาศัย เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเวลาอันมีค่าในการช้อปปิ้งของท่าน**
ได้เวลาสมควร เดินทางสู่สนามบิน เพื่อบินกลับกรุงเทพฯ
20.15 น.
ออกเดินทางบินกลับ กรุงไคโร โดยเที่ยวบินที่ MS702 แวะต่อเครื่องที่เมืองไคโร ประเทศอียิปต์
20.45 น.
ถึง สนามบินไคโร นำท่านเปลี่ยนเครื่องบิน เพื่อบินต่อเข้ากรุงเทพฯ
22.35 น.
ออกเดินทางบินกลับ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ MS960
วันที่ 8
สนามบินสุวรรณภูมิ
12.40 น.
เดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ