สอบถามทาง LINE
@nexttour

ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศศรีลังกา

ประเทศศรีลังกามีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวย เพราะนอกเหนือจากมีวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองทางศาสนาพุทธแล้วยังมีสถาปัตยกรรม อารยธรรม ต่างๆ เป็นประเทศที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการเดินทางสไตล์บูติกทั้งที่พักและโรงแรมต่างๆ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะมีเอกลักษณ์ของตัวเองมากมาย กระจายอยู่ทั่วไปตามแหล่งเมือง ซึ่งประเทศศรีลังกา ยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากมาย ทั้งเส้นทางทางตอนเหนือของประเทศ ที่มีวัดพุทธเก่าแก่ สมัยพุทธศาสนาที่ รุ่งเรืองตั้งแต่อดีต นักเดินทางที่ชอบและอยากสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นในรูปแบบใหม่ๆ จึงมักจะเดินทางมาที่นี่ ซึ่งแม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็สร้างความประทับใจได้อย่างมากมาย

ลักษณะภูมิประเทศ

ศรีลังกามีรูปร่างคล้าย ลูกขนุน เป็นเกาะในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งห่างจากตอนใต้ของประเทศอินเดียประมาณ 80 กิโลเมตรโดยมีพื้นที่ 65,610 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นประเทศที่เล็กกว่าประเทศไทยประมาณ 8 เท่า จากลักษณะ ภูมิประเทศ

การแบ่งเขตการปกครอง

ศรีลังกามีการปกครองด้วยระบอบสาธารณรัฐภายใต้ประชาธิปไตยเป็นแบบรัฐสภา โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ และหัวหน้าฝ่ายบริหารการแบ่งเขตการปกครอง ซึ่งการปกครองท้องถิ่นแบ่งออกเป็น 24 เขตการปกครอง แต่ละเขตปกครองโดยผู้ว่าราชการ ที่มาจากการแต่งตั้ง โดยแต่ละเขตมีสภาการพัฒนา ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน รัฐสภาเป็นระบบสภาเดียวซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 225 คน ได้รับเลือกจากประชาชนทุก ๆ 6 ปี และประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน และอยู่ในตำแหน่ง 6 ปี มีฐานะเป็นประมุขของประเทศและหัวหน้ารัฐบาล มีอำนาจในการแต่งตั้งและถอดถอนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี

ศรีลังกาประกอบด้วย 8 จังหวัด คือ จังหวัดกลาง เมืองหลวงคือแคนดี ,จังหวัดซาบารากามูวา เมืองหลวงคือ รัตนปุระ,จังหวัดตะวันตก เมืองหลวงคือโคลอมโบ,จังหวัดตะวันตกเฉียงเหนือ เมืองหลวงคือ กุรุเนกะละ ,จังหวัดตะวันออกเฉียงเหนือ เมืองหลวงคือ ตรินโคมะลี ,จังหวัดใต้ เมืองหลวงคือ กอลล์ ,จังหวัดกลางตอนเหนือ เมืองหลวงคือ อนุราธปุระ,จังหวัดอูวาเมืองหลวงคือบาดุลลา

ประชากรและวัฒนธรรม

ประเทศศรีลังกามีเมืองสำคัญคือ เมืองแคนดี้ ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าและเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนา มีประชากร กว่า20.48 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วยชาวสิงหล,ชาวทมิฬ ,ประชากรมุสลิม (แขกมัวร์และชาวมาเลย์ ) ภาษาที่ชาวศรีลังกาใช้คือ ภาษาสิงหลเป็นภาษาราชการและเป็นภาษาประจำชาติ , ภาษาทมิฬเป็นภาษาราชการ ส่วน ภาษาอังกฤษใช้ติดต่อสื่อสารทั่วไปในภาครัฐ ศรีลังกาเป็นประเทศหนึ่งที่มีอิทธิพลทางศาสนาพุทธมากทำให้ประชากรทั่วไปส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ,ศาสนาฮินดู ,ศาสนาคริสต์ ,และศาสนาอิสลาม

สภาพภูมิอากาศของศรีลังกา

ประเทศศรีลังกาช่วงพื้นที่ราบลุ่ม ภูมิอากาศของโคลัมโบจะอยู่ประมาณที่ 27 องศาฯซึ่งในพื้นที่ราบสูง จะมีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิอาจลดลงถึง 16 องศาฯ ส่วนภูเขาที่มีความสูง 2,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล จะมีแดดออกตลอดทั้งวัน ส่วนช่วงลมมรสุมอากาศของศรีลังกา ที่เป็นลมมรสุมทางตะวันออกเฉียงใต้จะพาฝนมาด้วยตั้งแต่เดือน พฤษภาคมถึงเดือน กรกฎาคมและพัดต่อไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทางตอนใต้และทางภาคกลาง ส่วนในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคม ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกจะได้รับอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ

โซนเวลาของศรีลังกา

ประเทศศรีลังกาใช้เวลาแบบมาตรฐานชั่วโมง และไม่มีการปรับเปลี่ยนเวลาไปตามฤดูกาล แต่เมื่อเทียบระยะเวลาที่แตกต่างจากเวลาของประเทศไทยแล้วประเทศศรีลังกา มีเวลาที่เดินช้ากว่าเวลาประเทศไทย 2 ชั่วโมง 30 นาที

ค่าเงินที่ใช้ในศรีลังกา

ค่าเงินหรือสกุลเงินที่ใช้ในประเทศศรีลังกา ก็คือเงินรูปีศรีลังกา ซึ่งมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 รูปีศรีลังกาเท่ากับประมาณ 0.25 บาท หรือ 100 รูปี ประมาณ 35บาทแต่ราคาการแลกเปลี่ยนอาจขึ้นลงได้ ควรเช็คก่อนที่จะเดินทางไปแลก

ระบบไฟฟ้าในประเทศศรีลังกา

ประเทศศรีลังกา ใช้ระบบไฟฟ้า 220-240 โวลต์ 50 ไซเคิล ซึ่งเป็นการใช้ปลั๊กไฟเป็นแบบขากลม 3 ขา ซึ่งนักท่องเที่ยวจากเมืองไทยอาจติดแอดปเตอร์มาด้วย

การใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตสำหรับนักท่องเที่ยว

อัตราค่าโทรทางไกลที่ศรีลังกา มีราคาค่อนข้างแพง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้บริการโทรจากโรมแรม กลับไทย หรือใช้บริการตู้โทรศัพท์สาธารณะ อาจจะหาซื้อบัตรเติมเงิน หรือหยอดเหรียญ บัตรโทรศัพท์หาซื้อได้ตามไปรษณีย์ และตามส่วนที่บริการนักท่องเที่ยวทั่วไป
สามารถซื้อซิมการ์ด แล้วนำมาใช้กับโทรศัพท์ที่เรานำไปจากเมืองไทย ส่วนระบบอินเทอร์เน็ต ตามอาหาร,โรงแรมและ สนามบิน จะปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ฟรี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเล่นเน็ตได้ หรือหากจะซื้อแพ็คเก็จเสริม ก็สามารถเลือกบริการและราคาได้ตามร้านมือถือทั่วไป

สินค้าและของฝากจากศรีลังกา

แม้จะมีหลากหลายวัฒนธรรม แต่ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของศรีลังกา หากใครได้มาเที่ยวตามเมืองต่างๆ ก็จะมี ร้านขายของที่ระลึกศรีลังกามีมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าพื้นเมือง หรืองานแฮนด์เมดที่โดดเด่น และยังมีของเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา อย่าง พระพุทธรูปแกะสลักไม้ และหิน ซึ่งของที่ระลึกศรีลังกาที่ขึ้นชื่อมีหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่ที่เห็นและนิยมซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากก็คือ หน้ากากไม้แกะสลัก ซึ่งถือได้ว่าศรีลังกาเป็นเมืองหน้ากาก ไม่ว่าจะไปที่ไหนจะเห็นหน้ากากแทบทุกที่ เพราะชาวศรีลังกามีความเชื่อกันว่า หน้ากากจะช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้าย หรือหน้ากากบางอันช่วยเยียวยาอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ทำให้หน้ากากกลายเป็นสิ่งที่มีมาแต่ในอดีตสู่ยุคปัจจุบัน และสีที่เห็นฉูดฉาดอยู่บนหน้ากากนี้ล้วนแต่เป็นสีธรรมชาติล้วนๆ นอกจากนี้ยังมี ของฝากที่นิยมอย่างชาซีลอน เครื่องกระเบื้องนอริตาเก้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ อัญมณีต่างๆ ที่ติดตู้เย็น รองเท้า ผ้าบาติก กระเป๋า เสื้อยืด พวงกุญแจ ฯลฯ

อาหารที่ขึ้นชื่อของศรีลังกา

อาหารศรีลังกาต่างก็มีเอกลักษณ์เช่นเดียวกับวัฒนธรรมของประเทศศรีลังกา เมนูส่วนหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลจากทั้ง อังกฤษ โปรตุเกส ดัตช์ รวมทั้งอินเดีย มาเลย์ อาหรับ และมัว ซึ่งกลายมาเป็นความหลากหลายชนิดของอาหาร เรียกได้ว่าอาหารศรีลังกานั้น มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันนั่นเอง

ชาวศรีลังกาส่วนใหญ่ จะเน้นไปทางการรับประทานอาหารประเภทมังสวิรัติ อาหารแต่ละชนิดจะมีวิธีการปรุงที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ หากเป็นอาหารทางเหนือนั้นจะมีรสเผ็ดร้อนกว่าทางใต้ ศรีลังกานั้นเหมือนกับเมืองไทยที่รับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก นอกจากจะเป็นข้าวสวยแล้วก็มี ข้าวอบกับมะพร้าวซึ่งนำไปนึ่งในกระบอกไม้ไผ่ รวมทั้งข้าวที่เหมือนข้าวมันและข้าวหมกอีกด้วย

ส่วนใหญ่อาหารศรีลังกาจะมีส่วนคล้ายกับอาหารอินเดีย คือการรับประทานแกงเป็นหลัก แต่แกงของศรีลังกาจะ ปรุงด้วยกะทิ มีหลายสีหลากกลิ่น และเครื่องเทศอันร้อนแรง แต่แกงของอินเดียไม่ใส่กะทิส่วนประกอบของแกงศรีลังกา มีทั้งเนื้อสัตว์และผัก อย่าง แกงเนื้อ แกงปลา แกงสับปะรด แกงไก่ แกงเครื่องในวัว แกงถั่ว ฯลฯ รวมถึงอาหารทะเล ที่นินมทานกัน หรือแม้แต่อาหารปลายอดฮิตคือ อาบูลทิยัล เป็นปลาอบในหม้อดินพร้อมเครื่องเทศต่างๆ ให้แห้งหอม ส่วนกุ้งก็จะนำมาผัดเผ็ด ในแต่ละมื้อของอาหารศรีลังกา จะมีผักเป็นเครื่องเคียง อย่าง มะเขือ ถั่ว แครอต บีตรูท ฯลฯ

ข้าวกับแกง ปัจจุบันก็เลื่อนไปเป็นอาหารกลางวันแทน ซึ่งจะมีข้าว แกง ผัก กินแก้ลมกับปาปาดัม และมัลลัม คือผักหั่นผสมกับเนื้อมะพร้าวแล้วนำไปผัดจนแห้ง ส่วนฮอดดาคล้ายกับน้ำพริกบ้านเรา ทำจากเครื่องเทศผสมกับกะทิ นอกจากแกงยังมี ทาลี ,บิริยานี ,คลู ฯลฯ

ฮอปเปอร์ หน้าตาเหมือนแพนเค้กหรือมัฟฟินหรือขนมครกอัน ทำฮอปเปอร์ด้วยน้ำตาลของต้นปาล์ม ซึ่งจะทำให้ มีรสชาติอร่อย แป้งที่ได้ก็จะนำมาผสมกับกะทิ ก่อนจะนำมาทอดในเมื่อแป้งสุกออกมามีรูปร่างเหมือนกระทะเล็ก ขอบรอบนอกจะเหลืองกรอบ แต่ว่าตรงกลางนุ่มฟู ทานได้ตลอดเวลาบางครั้งใส่ไข่,ใส่นมหรือน้ำผึ้งลงไป อาจจะทานกับน้ำพริก หรือแยม ซึ่งฮอปเปอร์มีทั้งชนิดแผ่นกลมและคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยว

เพราะเป็นเกาะ ทำให้ศรีลังกามีมะพร้าวอยู่มากมาย ขนมหวานส่วนใหญ่ทำมาจากมะพร้าวและกะทิ มีทั้งเค้กมะพร้าว และท็อฟฟี่มะพร้าว โยเกิร์ตมะพร้าว และโยเกิร์ตที่ทำจากนมควาย บางครั้งก็ผสมมากับน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้ง เรียกว่า คิริปานิ และ พุดดิ้งไข่ ฯลฯ

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศศรีลังกา

โคลัมโบเป็นเมืองที่อยู่กึ่งกลางเส้นทางเดินเรือผ่านมหาสมุทรอินเดีย จัดได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของศรีลังกา เป็นเมืองหลวงและเมืองท่าสำคัญที่ทำเลดีเยี่ยมเพราะอยู่ตัวเมืองตั้งอยู่บนฝั่งทะเลทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ มีสินค้าส่งออกที่สำคัญของเมืองนี้คือมะพร้าว ยางพารา และชา

โปโลนนารุวะ
เคยเป็นเมืองหลวงของศรีลังกาในอดีตกาล ในรัชสมัยของพระเจ้ามหินทะที่ 5 พวกโจฬะแห่งอินเดียตอนใต้ ได้ข้ามมารุกรานลังกาเป็นผลสำเร็จ ทำให้ที่นี่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ชนนาถปุระ กลายเป็นยุคของฮินดูครอบงำ ต่อมาโปโลนนารุวะ รุ่งเรืองที่สุดในรัชสมัยของพระเจ้าปรากรมพาหุมาราช แต่ก็เพียง 3 ชั่วอายุคนเท่านั้น เมื่อพ้นจากรัชสมัยของพระเจ้าปรากรมพาหุมหราช โปโลนนารุวะ ก็มีการเสื่อมโทรมลงตามลำดับจนในที่สุดโปโลนนารุวะกลายเป็นเมืองร้างจมหายอยู่กลางป่านับเป็นร้อยๆ ปีต่อมามีการค้นพบและกลายมาเป็นเมืองโบราณที่มีค่า

อนุราธปุระ
ชาวสิงหลถือว่า อนุราธปุระเป็นบุญยนครของชาวพุทธ ซึ่งเมืองนี้เคยมีกษัตริย์ปกครองถึง 119 องค์ และเคยเป็นเมืองหลวงร่วม 1,200 ปี ปัจจุบันเมืองอนุราธปุระ กลายเป็นศูนย์กลางความเจริญทางด้านสถาปัตยกรรมแกะงานสลัก

แคนดี
แคนดี ในภาษาสิงหลเรียกว่า เสนกาทาลกะ มหานุวาระ อยู่ห่างจากเมืองโคลัมโบไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเมืองศูนย์กลางบริหารส่วนจังหวัดภาคกลางของศรีลังกา ที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงระหว่างหุบเขา เกือบจะเป็นจุดสนใจกลางของเกาะ ซึ่งในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงเก่า แคนดีเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และศาสนาพุทธ มีสถานที่สำคัญคือ มีวัดพระเขี้ยวแก้วตั้งอยู่ในเมืองนี้ ส่วนสินค้าสำคัญของเมืองคือ ชา และโกโก้ นอกจากนี้ยังมีการทำนาแบบขั้นบันได จึงถือได้ว่าแคนดีเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญแห่งหนึ่ง

กัล หรือ คัลลี
เมืองกัลเป็นเมืองโบราณ ที่มีคูคลองและโบสถ์ถอดแบบมาจากฮอลันดา โดยมีป้อมโบราณที่เป็นร่องรอยแห่งอดีตสมัยรุ่งเรือง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะและเป็นเมืองท่า มีอ่าวจอดเรือที่ดี เพราะเป็นท่าส่งสินค้าซึ่งส่งยางพาราไปยังประเทศต่างๆ ที่เมืองนี้จะมีคนร่ำรวยของศรีลังกาอาศัยอยู่มาก ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม

วิหารฮาตะทาเค
ตามประวัติว่า วิหารฮาตะทาเค เดิมเคยเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว ก่อนถูกอันเชิญมายังกรุงแคนดี จนกระทั่งปัจจุบัน จึงมีอีกชื่อว่า วิหารพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมมีมุขยื่นออกมาข้างหน้า ด้านข้างมีแผ่นศิลาจารึกมีความยาวประมาณ 8 เมตร ขนาดใหญ่ โดยอาศัยช้างลากเลื่อนหลายเชือก นำมาจากมิหินตเล ซึ่งอยู่ไกลจากโปลนนารุวะออกไปถึง 100 กิโลเมตร

กัลวิหาร
คือวิหารหิน ซึ่งมีประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่และงดงามถึง 3 องค์ สลักจากเขาหิน องค์แรกนั่ง ขัดสมาธิ องค์กลางเป็น พระยืน หัตถ์ 2 ข้างกอดพระอุระ ส่วนข้างๆ เป็นพระไสยาสน์ ความงดงามนั้นสมกับเป็นยุคทองของศิลปะลังกา ถือเป็นความงดงามของพระพุทธศิลป์ จีวรสลักตามแบบอมราวดี แต่เป็นแบบริ้วคู่

สิกิริยา พระราชวังลอยฟ้า
บริเวณรอบเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่และมีบ่อน้ำรอบคูเมือง มีบันไดทางเดินขึ้นเขา บางส่วนเป็นหินและบางส่วนเป็นปูน บางส่วนเป็นเหล็กแน่นหนาทำเป็นบันไดวน ระหว่างทางมีบันไดทางแยกขึ้นลง และมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรียกกันว่าเป็นภาพเขียนสีเฟรสโก ซึ่งบริเวณหน้าผาเป็นศิลปะลังกาสมัยอนุราธปุระ ที่วาดขึ้นในราวต้นพุทธศตวรรษที่ 11 ในรัชสมัยของพระเจ้ากัสสปะที่ 1 ซึ่งเป็นภาพวาดของสตรีครึ่งตัวบ้างว่าเป็นนางฟ้า โดยวาดประมาณ 10 กว่าภาพสีออกโทนเหลืองส้ม ลายเส้นงดงามชัดเจน แต่บางส่วนกะเทาะออกเพระากาลเวลา สามารถถ่ายรูปได้แต่ห้ามใช้แฟลช เพื่อมิให้สีซีดเร็วขึ้น
เดินขึ้นเขาต่อตามทางพื้นหิน มีลานกว้างที่มีชื่อว่า ลานสิงห์ กับเท้าสิงห์คู่มหึมาประตูสู่ พระราชวังลอยฟ้า ซึ่งสิกิริยา พระราชวังลอยฟ้าแห่งนี้ พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะทรงพระราชทานนามว่า สีหคีรี ซึ่งแปลว่า เขาสิงห์ ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีป้อมปราการ และยังเป็นป่ารกทึบ

พระราชวังลอยฟ้าใช้เวลาสร้างนานถึง 7 ปี ต่อมาถึงกาลล่มสลาย ด้านบนพระราชวังถูกสร้างเป็นปราการลดหลั่นกันไป มีบ่อน้ำที่ฝรั่งตั้งฉายาที่นี่ว่าฮาเร็มลอยฟ้า พื้นที่สี่เหลี่ยมด้านบนสุดซึ่งเดิมคือพระราชวัง ตอนนี้หลงเหลือแต่ซากอิฐ สามารถเห็นเมืองเบื้องล่างโดยรอบ

วัดพระเขี้ยวแก้ว ดาลดา มัลลิกาวะ
เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว พระทันตธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลังกา เป็นพระเขี้ยวแก้วเพียงองค์เดียวที่ปรากฏบนโลกมนุษย์ ด้วยว่าพระทันตธาตุหลังจากการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ และพระเขี้ยวแก้วได้ประดิษฐานอยู่บนแผ่นดินแห่งนี้มาโดยตลอด มิเคยถูกนำออกนอกดินแดน ตั้งแต่ถูกอัญเชิญมาจากชมพูทวีปโดยเหมมาลาเจ้าหญิงแห่งแคว้นกาลิงคะ ประมาณกว่า 1,700 ปีก่อน ชาวศรีลังกาต่าง เคารพต่อพระทันตธาตุอย่างสูงสุด เชื่อกันว่าหากเมื่อใดพระเขี้ยวแก้วถูกนำออกนอกเกาะลังกาแล้ว จะนำภัยพิบัติมาสู่ประเทศชาติ และการเปิดอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วออกให้ผู้คนสักการบูชาจะสามารถขจัดภัยต่างๆ ได้


สวนพฤกษชาติเปราดีนิยา
สวนพฤกษชาติเปราดีนิยาเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่ติดอันดับหนึ่งในสิบที่ดีที่สุดในเอเซียใต้ เป็นสวนแห่งนี้มีชื่อเสียงมาก มีพื้นที่ประมาณ 375 ไร่ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองแคนดี ประมาณ 6.2 กิโลเมตร พระเจ้าวิชัยพาหุที่ 3 โปรดให้สร้างพระราชฐาน ใกล้บริเวณแม่น้ำมหาเวลี ต่อมามีการการปรับปรุงและให้สร้างพระที่นั่งที่บริเวณนี้ไว้ด้วย จากสถานีวิจัยพืชไร่จำพวกกาแฟและเครื่องเทศ เปลี่ยนมาทำการศึกษาพืชพื้นเมือง และกลายเป็นสวนพฤกษศาสตร์ ในปัจจุบัน ที่มีการรวบรวมพรรณไม้นานาชนิดจากส่วนต่าง ๆของโลกที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ไม้จำนวนกว่า 24,680 ชนิด มีทั้งสวนดอกไม้ สวนกล้วยไม้ สวนปาล์ม สวนสมุนไพร สวนเครื่องเทศ สวนตะบองเพชร เและเรือนกระจกสำหรับแอนทูเรียม ฯลฯ และมีชื่อเสียงติดอันดับหนึ่งในสิบสวนพฤกษศาสตร์ที่ดีที่สุดของโลก

เมืองอนุราธปุระ โปลอนนารูวา และแคนดี ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ชมดินแดนแห่งอาณาจักรโบราณของอดีตพระมหากษัตริย์ของประเทศศรีลังกา ส่วนใครที่ชอบเที่ยวในสไตล์ธรรมชาติก็สามารถไปเดินป่าปีนเขาเพื่อชมธรรมชาติอันงดงามของป่าดงดิบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศศรีลังกาคือป่า "สิงหราชา" ซึ่งเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธรรมชาติและสัตว์ป่านานาชนิด

เทศกาลสำคัญของศรีลังกา

เมืองกัณฏีหรือแคนดี ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองคาตุกาสโตตา ประเทศศรีลังกา จะจัดงานเฉลิมฉลองทางศาสนาของประเทศศรีลังกาที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และเป็นเทศกาลที่จัดติดต่อกันมาตั้งแต่สมัยอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน เป็นประเพณีที่ทำสืบต่อกันมาช้านาน และยังคงรักษาไว้ ซึ่งพิธีที่ว่านี้ก็คือ พิธีแห่พระเขี้ยวแก้ว เพื่อเฉลิมฉลองศาสนาในศรีลังกา

พระธาตุเขี้ยวแก้ว หรือพระทันตธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระเขี้ยวแก้ว ดาลดา มัลลิกาวะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลังกา เป็นพระเขี้ยวแก้วเพียงองค์เดียวที่ปรากฏบนโลกมนุษย์ โดยมีหลักฐานรองรับความถูกต้องตรงตามพระคัมภีร์มหาวังศา ด้วยว่าพระทันตธาตุหลังจากมีการถวายพระเพลิงพุทธสรีระซึ่งนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 9 พระเขี้ยวแก้วได้ประดิษฐานอยู่บนแผ่นดินแห่งนี้มาโดยตลอด และมิเคยถูกนำออกนอกแผ่นดินนี้เลย ตั้งแต่ถูกอัญเชิญมาจากชมพูทวีปโดยเจ้าหญิงเหมมาลาแห่งแคว้นกาลิงคะประมาณกว่า 1,700 ปีก่อน

ถ้าฝนแล้ง เจ้าหน้าที่จะอัญเชิญ พระเขี้ยวแก้ว ออกแห่เพื่อขอฝน เป็นความเชื่อของชาวลังกามี และจะได้สัมฤทธิผลดังปรารถนาจริงๆ ทุกๆปีของเดือนสิงหาคมจะมีพิธีกรรมอันยิ่งใหญ่สมโภชพระเขี้ยวแก้ว โดยจะมีริ้วขบวนยาวเหยียดนำด้วยช้างที่ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม มีระบำรำฟ้อน รำคบไฟ การแสดงพื้นเมืองลังกา และดนตรีพื้นเมืองลังกาบรรเลงแห่งไปรอบเมือง พร้อมทั้งขบวนพาเหรดช้างกว่า 100 เชือก และการจำลองเหตุการณ์การฉลองแบบโบราณสร้างสีสันให้กับเมืองนี้เป็นอย่างมาก

การเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศศรีลังกา

การเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยเครื่องบิน ไปศรีลังกา มี 5 สายการบิน ซึ่งเป็นการบินจากกรุงเทพฯไปยังกรุงโคลัมโบ ด้วยสายการบิน การบินไทย ,สิงคโปร์แอร์ไลน์ส ,มาเลเซียนแอร์ไลน์ส ,คาเธ่ย์แปซิฟิค ,ศรีลังกาแอร์ไลน์ส โดยใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง

สิ่งที่ควรเตรียมก่อนการเดินทางไปประเทศศรีลังกา

หากมาเที่ยวที่ศรีลังกา นักท่องเที่ยวอาจจะต้องเตรียม ช้อนหรือซ่อม เพราะการทานอาหารทุกอย่างที่ศรีลังกาใช้มือเปิบ ยกเว้นที่โรงแรมจะมีช้อนให้ รวมถึงหากเจอสภาพอากาศที่แดดก็ให้เตรียมหมวกหรือแว่นกันแดดเสื้อกันฝน ครีมหรือสเปรย์กันยุง ใครที่ชอบดื่มกาแฟยามเช้า เตรียมไปด้วย เพราะที่นี่จะมีแต่ชายกเว้นตามโรงแรม หากอยู่หลายวัน อาจเตรียมน้ำพริก หรือมาม่าไปด้วยก็ได้

แม้จะเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่โตมากมาย แต่ก็ทำให้ศรีลังกาเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ในตัว ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาสัมผัสกับชีวิตและบรรยากาศที่เรียบง่ายของสถานที่ท่องเที่ยวและผู้คนที่รอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ

 

ทัวร์ประเทศศรีลังกา

เกี่ยวกับเรา (About Us)

เน็กซ์ทัวร์.คอม บริการทัวร์ต่างประเทศ แพ็คเกจทัวร์ต่างประเทศ ครอบคลุมทุกความต้องการ ทุกช่วงเวลา มีให้เลือกมาก กว่า 500  แพ็คเกจทัวร์ จากสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก กว่า 68 ประเทศ ให้บริการบริหารโดยทีมงานมืออาชีพ

ติดต่อเรา (Contacts)
  • บริษัท เน็กซ์ บุ๊คกิ้ง จำกัด
    เลขที่ 240/26 อาคารอโยธยาทาวเวอร์ ชั้น 16 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10320
  • [email protected]
  • [email protected]
อินสตาแกรม (Instagram)
เฟซบุ๊ก (Facebook)

สงวนลิขสิทธิ์ © พ.ศ.2567 โดย เน็กซ์ทัวร์.คอม