13.00 น.
เดินทางถึง สนามบินดูไบ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
นำท่านสู่ Mall of the Emirates เป็นห้างขนาดใหญ่ มีโรงภาพยนตร์ ลานโบว์ลิ่ง และร้านค้าอีกมากมาย รวมถึงร้านต่างๆ มีเวลาให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าแฟ่ชั้นมากมาย หรือท่านจะเข้าเล่นที่ Ski Dubai หนึ่งในสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ กรุงอาบูดาบี (Abu dhabi) ที่มีความเขียวขจีท่ามกลางตัวเมืองที่ทันสมัย จึงเป็นเมืองที่ได้รับสมญานามว่า Garden of Gulf และได้รับการย่องว่าเป็นสวรรค์แห่งทะเลทรายอีกด้วย นำท่านผ่านชมสถานที่สำคัญๆของเมือง ตลอดจนการสร้างบ้านเรือนที่มีความสวยงาม และเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของเมือง แม้จะตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งแล้ง
บ่าย
นำท่านแวะถ่ายรูป Ferrari World และมีเวลาให้ท่านเลือกซื้อของที่ระลึกที่เป็นแบรนด์เฟอร์รารี่ จากนั้นแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ณ จุดชมวิว ชิคาโกบีช กับชายทะเลสีเทอร์ควอยซ์ ที่ท่าน Sheikh Al Nayan สร้างขึ้นมาเป็นของขวัญแก่ชาวเมือง
นำท่านชม Sheikh Zayed bin Sultan al Nahyan Grand Mosque สุเหร่าที่งดงามที่สุดของ U.A.E. มีความใหญ่โตเป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นสุเหร่าประจำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ท่าน Sheikh สร้างไว้ก่อนท่านจะสวรรคต ใช้ระยะเวลาก่อสร้างรวมทั้งหมด 10 ปี ให้ท่านได้ชมพรมลายดอกไม้ผืนใหญ่ และโคมไฟ (Chandelier) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ราคาราว 30 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าจากประเทศเยอรมัน ทำด้วยทองคำและทองแดง
***การเที่ยวชมมัสยิด ต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ห้ามสวมกางเกงขาสั้นหรือเสื้อกล้าม ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่มีความยาวคลุมถึงระดับข้อมือและข้อเท้า ปกปิดไหล่และทรวงอกให้มิดชิด ผู้หญิงจะต้องมีผ้าคลุมผม และต้องถอดรองเท้าก่อนเข้ามัสยิด***
ได้เวลาอันสมควรนำท่านกลับ นครดูไบ นำท่านถ่ายรูปกับ ดูไบเฟรม (Dubai frame) สัญลักษณ์ใหม่ของดูไบ ซึ่งเป็นกรอบรูปฉาบทองคำความสูงขนาด 150 เมตร กว้าง 93 เมตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาในการก่อสร้างมาถึง 10 ปีเต็ม ด้วยจำนวนเงินประมาณ 43.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.39 พันล้านบาท
วันที่ 3
The Palm Project - ตึกเรือใบ - ตลาด Medinat Jumeirah Souk - นั่งรถ 4WD ตะลุยทะเลทราย
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านแวะถ่ายรูปด้านนอกกับ โรงแรม Burj Al Arab โรงแรมสุดหรูระดับ 7 ดาว รูปทรงคล้ายเรือใบที่งดงามและหรูหราที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ริมอ่าวอาหรับ เป็นที่พักอาศัยของเศรษฐีที่มีชื่อเสียงชาวตะวันออกกลาง ถือเป็นสถานที่ที่ทุกคนใฝ่ฝันจะมีโอกาสเข้าไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต
จากนั้นชม Medinat Jumeirah Souk หรือเรียกว่า เวนิสแห่งดูไบ เป็นตลาดติดแอร์ ตั้งอยู่ในส่วนเดียวกับโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว Mina Al Salam ของตระกูล Al Maktoum ออกแบบและตกแต่งเป็นศิลปะพื้นเมืองแบบอาหรับคลาสสิก ภายในมีสินค้าระดับ Premium มากมาย อาทิ ของที่ระลึก พวงกุญแจ ขวดทราย พรมอิหร่าน หัวน้ำหอม โคมไฟ ของประดับตกแต่งบ้าน ขนมหวาน และถั่วรสช็อกโกแลต เป็นต้น
จากนั้นนำท่านผ่านชม พระราชวังท่านชีค (Shiekh Palace) ตื่นตาตื่นใจกับพระราชวังสุดอลังการของครอบครัว Shiekh Al Maktoum อันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีความร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิดและบรรดาเหล่านกยูง
ผ่านชม New Palace ซึ่งเป็นพระราชวังแห่งใหม่ของครอบครัว Shiekh Al Maktoum ที่ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ
นำท่านผ่านชม สุเหร่าจูไมร่า (Jumeirah Mosque) สุเหร่าคู่บ้านคู่เมืองของดูไบ สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง และได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่าที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในนครดูไบ
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ที่พัก เพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายพร้อมตะลุยทะเลทราย ระหว่างทางแวะนำท่านชม โรงงานเครื่องประดับเพชรพลอย
หมายเหตุ
- ท่านที่เมารถ กรุณาทานยาแก้เมาล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง หรือควรแจ้งหัวหน้าทัวร์ให้ทราบก่อนไปทัวร์ทะเลทราย ทางทัวร์จะไม่รับผิดชอบ และไม่อนุญาตให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรงนั่งรถไป Dune Safari โดยเด็ดขาด
- สำหรับท่านที่ไม่ร่วมเดินทาง Dune Safari ท่านต้องรอคณะอยู่ที่โรงแรม โดยทางบริษัท ไม่สามารถคืนค่าทัวร์ให้ได้ รวมทั้งอาหารมื้อค่ำ
นำท่านเดินทางไปทัวร์ทะเลทราย (Dune Safari & BBQ Dinner) (อย่าลืมเสื้อแจ็คเกต แว่นตากันแดด รองเท้าฟองน้ำ ติดตัวไปด้วย)
นำท่านขึ้นรถ 4WD (รถขับเคลื่อน 4 ล้อ) ไปทัวร์ทะเลทราย ท่านจะได้สนุกสนานและตื่นเต้นไปกับประสบการณ์อันแปลกใหม่ นั่งรถตะลุยไปบนเนินทรายทั้งสูงและต่ำสลับกันไป (Sand Dune)
ค่ำ
จากนั้นให้ท่านได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ในแคมป์กระโจมแบบอาหรับ ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกของพระอาทิตย์ตกดินที่แสนสวยงาม และสัมผัสชีวิตแบบชาวพื้นเมือง (เบดูอิน)
อาทิ การสวมชุดพื้นเมืองชาวอาหรับ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก การเพ้นท์มือแบบอาหรับ (Henna Tattoo) ลองสูบ มารากู กลิ่นผลไม้ (Shi Sha)
ชมโชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) ซึ่งเป็นศิลปะการร่ายรำที่เน้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อท้องและสะโพก รวมถึงสนุกสนานกับการขี่อูฐ
ที่พัก
HOLIDAY INN EXPRESS AIRPORT หรือเทียบเท่า
วันที่ 4
พิพิธภัณฑ์ดูไบ - นั่งเรือ Abra Ride - ตลาดเครื่องเทศ และ ตลาดทอง - ห้างดูไบ - ขึ้น “เบิร์จคาลิฟา” Burj Khalifa ชั้น 124 - สนามบิน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ดูไบ (Dubai Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดในตะวันออกกลาง สร้างเมื่อศตวรรษที่ 19 บูรณะครั้งล่าสุดปี 1970 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เช่น การค้นพบงานศิลปะภายในหลุมฝังศพที่ Al Qusais ซึ่งมีอายุมากกว่า 4,000 ปี ประทับใจกับการบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชาวอาหรับโบราณผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่
จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง Dubai Creek เป็นทะเลที่สร้างขึ้นโดยการขุดเข้ามาในชายฝั่ง ซึ่งแบ่งนครดูไบออกเป็น 2 ส่วน คือ Deira Dubai และ Bur Dubai มีความยาวประมาณ 14 กิโลเมตร มีท่าจอดเรือ 8 ท่า ให้ท่านได้ชมและถ่ายรูปกับทัศนียภาพสองฟากฝั่งของแม่น้ำ Creek ตามอัธยาศัย
ให้ท่านได้ถ่ายรูปในย่าน Bastakiya และนำท่านนั่งเรือ Abra Ride สัมผัสมนต์เสน่ห์ทางวัฒนธรรมผ่านวิถีชีวิตสองฝั่งน้ำของแม่น้ำ Creek จากนั้นเดินสู่ตลาดเครื่องเทศ (Gold & Spicy Souk)และตลาดทอง (Gold Souk) เป็นตลาดทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Jewelry ทุกประเภท เช่น มุก อัญมณีต่าง นำท่านชมโรงงานเครื่องหนังชั้นดีของดูไบ
จากนั้นนำท่านสู่ห้างดูไบ (Dubai Mall) ห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ภายใน ให้ท่านได้ถ่ายรูปหน้าตู้ปลา ที่มีขนาดใหญ่กว่าคนสิบคนยืนเรียงกัน อิสระในห้างให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก สินค้าแบรนด์เนมชื่อดังมากมายจากยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี กระเป๋าถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องกีฬา เป็นต้น และในเวลา 18.00-24.00 น. ของทุกวัน ท่านจะได้ชมการแสดง “น้ำพุแห่งดูไบ” เป็นน้ำพุเต้นระบำอันสวยงามวิจิตร อยู่ในทะเลสาบเบิร์จคาลิฟา ที่เป็นศูนย์กลางของนครดูไบ ถือเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันนี้ โดยรอบถูกรายล้อมไปด้วยตึกที่มีชื่อเสียงมากมาย สิ่งพิเศษของน้ำพุแห่งดูไบนี้ คือ จะใช้ไฟทั้งสิ้น 6,600 ดวง โปรเจคเตอร์สี 50 ตัว ควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยจะแสดงประกอบดนตรี ครั้งละประมาณ 5 นาที โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้นกว่า 7.2 พันล้านบาท
เที่ยง
***อิสระอาหารกลางวัน ตามอัธยาศัย***
บ่าย
นำท่านขึ้น “เบิร์จคาลิฟา” Burj Khalifa ชั้น 124 ตึกที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงถึง 828 เมตร มีทั้งหมด 160 ชั้น ออกแบบโดยนายเอเดรียน สมิธ สถาปนิกจากชิคาโก ซึ่งคณะจะได้มีโอกาสขึ้นลิฟท์ที่มีความเร็วที่สุดในโลกคือ 18 เมตร ต่อวินาที หรือ 65 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ไปถึงชั้น 124 เพื่อชมวิวจากของนครดูไบได้ทั่วทุกทิศที่สวยงาม โดยตึกนี้ออกแบบตบแต่งภายในโดย Giorgio Armani
19.00 น.
เดินทางสู่สนามบินดูไบ อิสระให้ท่านช้อปปิ้งใน Duty Free เพลิดเพลินกับสินค้าแบรนด์เนม และน้ำหอมยี่ห้อดังมากมาย
22.30 น.
ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ EK 374
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 22.35 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 07.35 น.***
08.00 น.
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดิภาพ