วันที่ 3
เมืองวาน - เมืองโดกุเบยาซิต - เทือกเขาอารารัท - เมืองคาร์ส
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโดกุเบยาซิต Dogubeyazit ระยะทางประมาณ 181 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) อยู่ทางทิศตะวันออกสุดของประเทศตุรกี เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงอย่าง Mt. Ararat ซึ่งมีความสูง 5,137 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้มีอากาศร้อนและแห้งแล้งในฤดูร้อนและหนาวจัดในฤดูหนาว พื้นที่ราบส่วนใหญ่ใช้ปลูกหญ้าหรือพืชผลไว้สำหรับเป็นอาหารสัตว์ใน ฤดูหนาว ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเขาส่วนใหญ่จะปลูกบ้านที่ทำมาจากดินเหนียว เพื่อเพิ่มความอบอุ่นในฤดูหนาว เมืองเบยาซิตได้ถูกทำลายเสียหายอย่างหนักในสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามกู้เอกราชตุรกี และในปี 1930 ได้มีการสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา และให้ชื่อว่า Dogubeyazit แปลว่า East Beyazit
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านชมความสวยงามของ พระราชวังอิซฮาก พาชาร์ Izhak Pasha Palace สร้างในสมัยออตโตมัน สร้างโดย Colak Abdi Pasha นายพลแห่งกองทัพเตอร์กที่เข้ามาปกครองเบยาซิต ในปี 1685 ส่วนที่เป็นฮาเร็ม Harem สร้างเสร็จในสมัยของหลานปู่ที่ชื่อ Ishak Pasha ในปี 1784 พระราชวังแห่งนี้เป็นเหมือนคอมเพล็กซ์มากกว่าพระราชวัง เป็นพระราชวังที่สำคัญรองลงมาจากพระราชวังทอปกาปึ Topkapi Palace ในอิสตันบูล และเป็นพระราชวังที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนั้น พระราชวังแห่งนี้สร้างอยู่บนเนินเขา เป็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่แห่งสุดท้ายของอาณาจักรออตโตมัน และเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมออตโตมันในยุคศตวรรษที่ 18 ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง ชั้นล่างของพระราชวังสร้างอยู่บนเนินเขาบนชั้นหินที่มีความแข็งแรงอยู่กลางเมืองเบยาซิตเก่า อีกสามด้านของพระราชวังเป็นหน้าผาสูงและเป็นเนินเขา มีเพียงด้านทิศตะวันออกจะเป็นที่ราบ ซึ่งจะเป็นทางเข้าออก มีหน้ามุขแคบ ๆ ตัวอาคารสร้างด้วยด้วยหินสีแดงอมส้ม ซึ่งได้มากจากภูเขาที่อยู่ในย่านนี้ สร้างโดยช่างฝีมือชั้นสูงมีการแกะสลักหินไว้อย่างสวยงาม
ได้เวลานำท่านสู่ เทือกเขาอารารัท Mount Ararat เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศตุรกี มีความสูง 5,137 เมตรจากระดับน้ำทะเล ยอดเขาอารารัทนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี และเป็นเทือกเขาที่ส่วนใหญ่ชาวคริสเตียนเชื่อว่าที่นี่คือ ที่ที่เรือโนอาห์ Noah’s Ark จอดอยู่หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่
นำท่านเปลี่ยนยานพาหนะเป็นรถเล็ก เพื่อเดินทางสู่ จุดชมเรือโออา เป็นเรือขนาดใหญ่ที่กล่าวถึงในคัมภีร์ Bible ของชาวยิว และใน Old Testament เล่ม Book of Genesis ของชาวคริสเตียน และในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านของมุสลิม โดยตามตำนานเล่าว่าพระผู้เป็นเจ้าของชาวยิวได้ช่วยเหลือโนอาร์ กับสมาชิกในครอบครัวอีก 7 คน และสัตว์ชนิดต่าง ๆ อย่างละ 1 คู่ จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่คร่าชีวิตผู้คนและสัตว์ทั้งหลายไปจนหมดโลก โดยบอกให้โนอาร์ต่อเรือยาวขนาด 137 เมตร แล้วนำสัตว์ต่าง ๆ ไว้บนเรือ เมื่อเกิดน้ำท่วม เรือโนอาร์ก็ลอยอยู่บนพื้นผิวน้ำเป็นเวลา 6 เดือน เมื่อน้ำลดเรือโนอาร์ก็ลอยมาติดอยู่บนเทือกเขา Ararat แห่งนี้ทุกคนจึงปลอดภัยจากน้ำท่วมโลกในครั้งนั้น
ได้เวลาพอสมควร นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคาร์ส Kars ระยะทางประมาณ 181 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตุรกี มีประชากรประมาณ 30,000 คน อาคารบ้านเรือนในเมืองคาร์สมีหลากหลายสไตล์ เนื่องจากเป็นเมืองที่เชื่อมต่อระหว่าง ตุรกี, อาร์มาเนีย, จอร์เจียร์ และ รัสเซีย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
ที่พัก
Kale Kars Hotel หรือเทียบเท่า มาตรฐานตุรกี
วันที่ 4
เมืองเมืองคาร์ส - เมืองบาทูมิ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ จุดผ่านแดนของ ประเทศตุรกีและประเทศจอร์เจีย Sarp Border (ระยะทาง 297 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง)
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองบาทูมิ Batumi (ระยะทาง 22 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เป็นเมืองท่าชายทะเลและเป็นหนึ่งในเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศจอร์เจีย ตัวเมืองตั้งอยู่ติดกับทะเลดำทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเมืองบาทูมิยังได้รับการสนับสนุนให้เป็นเมืองท่องเที่ยวตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 เป็นต้นมา โดยมีการปรับปรุงโฉมอาคารและตัวเมืองเก่า อีกทั้งยังมีโรงแรมระดับเชนสากลที่เปิดขึ้นใหม่มากมาย เพี่อรองรับการท่องเที่ยวที่จะมีความเจริญเติบโตในอนาคตอีกด้วย
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านชม ป้อมโกนีโอ้ Ginio Fortress ป้อมปราการโบราณชายฝั่งทะเลดำ ใกล้อาณาเขตประเทศตุรกี ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานของอาณาจักรออตโตมันในอดีต นอกจากนี้ยังถูกเชื่อว่าเป็นสถานที่ฝังร่างของนักบุญมัทธีอัส หนึ่ง 12 อัครสาวกของพระเยซู แต่ไม่ได้มีการขุดเจาะสถานที่เพื่อพิสูจน์แต่อย่างใด เนื่องจากคำสั่งห้ามของรัฐบาลจอร์เจีย เหตุเกรงว่าจะเป็นการทำลายโบราณสถานให้ทรุดโทรมลง
จากนั้นนำท่าน ล่องเรือในทะเลดำชมอ่าวเมือบาทูมิ เหตุที่ได้ชื่อว่าทะเลดำก็เพราะดินโคลนชายฝั่ง ดินทรายชายหาดของทะเลแห่งนี้เป็นสีดำอันเนื่องมาจากสารไฮโดรเจนซัลไฟต์สะสมอยู่
จากนั้นนำท่านชม จตุรัสปิอาซซ่า Piazza Square หนึ่งในจัตุรัสสำคัญของเมืองบาทูมิ ซึ่งรายล้อมด้วยร้านอาหารและโรงแรมมากมายบนเนื่อที่กว่า 5,700 ตารางเมตรใกล้ริมอ่าวทะเลดำ สถาปัตยกรรมโดยรอบนับว่าได้รับแรงบันดาลใจจากประเทศอิตาลีโดยแท้ รูปปั้นอาลีและนีโน่ Ali and Nino Moving Sculptures รูปปั้นพิเศษสูง 8 เมตร ริมทะเลดำที่สามารถเคลื่อนไหวได้ ทุก ๆ 10 นาที จุดประสงค์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงความรักของหนุ่มสาวต่างเชื้อชาติ ศาสนา และยังแสดงถึงสันติภาพระหว่างประเทศจอร์เจียและอาร์เซอรไบจานด้วย
ค่ำ
รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก
Sheraton Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่ 5
เมืองบาทูมิ - เมืองคูไทซี - เมืองบอร์โจมี
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคูไทซี Kutaisi (ระยะทาง 156 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) เมืองใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศจอร์เจีย มีประชากรเพียงราว 200,000 คน
นำท่านชม อารามเกลาติ Gelati Monastry อารามหลวงของเมือง สร้างขึ้นตามพระประสงค์ของกษัตริย์เดวิดที่ 4 กษัตริย์ผู้ปกครองประเทศจอร์เจีย เมื่อช่วงศตวรรษที่ 10-11 อารามประกอบด้วยโบสถ์ 2 แห่ง คือ โบสถ์พระแม่มารี และโบสถ์เซนต์จอร์จ / เซนต์นิโคลัส ภายในตัวโบสถ์มีภาพเขียนเฟรสโก้อันสวยงามมากมายหลายภาพด้วยกัน นอกจากนั้นอารามเกลาติยังเป็นสถาบันชั้นนำของประเทศที่ผลิตนักวิทยาศาสตร์, นักเทววิทยา และนักปราชญ์ชื่อดังมากมาย องค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้อารามแห่งนี้เป็นหนึ่งในมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1944
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองบอร์โจมี Borjomi (ระยะทาง 130 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.20 ชั่วโมง) เป็นเมืองตากอากาศเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ในหุบเขาทางตอนใต้ของประเทศจอร์เจีย มีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 15,000 คน แต่เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องน้ำแร่ โดยน้ำแร่ยีห้อบอร์โจมี ได้มีการบรรจุ ณ ธารน้ำแร่บริสุทธิ์ที่ไหลรินลงมาจากยอดเขาบาคุเรียนี Bakuriani Mountain และส่งออกไปขายกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ในอดีตนั้นชาวเมืองมีความเชื่อว่าการได้ดื่มน้ำแร่นั้นจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงและสามารถรักษาโรคร้ายได้
นำท่านเข้าชม สวนบอร์โจมี Borjomi City Park สถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนของชาวเมืองบอร์โจมี ที่นิยมมาเดินเล่นและผ่อนคลายโดยการแช่น้ำแร่ในวันหยุด
จากนั้นนำท่าน ขึ้นกระเช้า สู่จุดชมวิวบนหน้าผาเหนือสวนบอร์โจมี อิสระให้ท่านได้เก็บภาพวิวทิวทัศน์ความสวยงามของธรรมชาติจากมุมสูงได้ตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
Borjomi-Likani Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่ 6
เมืองบอร์โจมี-เมืองอัพลิสต์ซิเคห์-เมืองกอรี-เมืองทบิลิซี
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอัพลิสต์ซิเคห์ Uplistsikhe (ระยะทาง 92 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เป็นบริเวณถ้ำที่ถูกทำขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุคการเริ่มต้นราวศตวรรษที่ 7-8 ก่อนคริสตกาล ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางการค้าขายสินค้าจากอินเดียสู่ทางด้านเหนือแถบหมู่บ้านมทวารี และหุขเขารีโอนีไปยังทะเลดำ และต่อไปยังด้านตะวันตก ทำให้เกิดการพัฒนาการเป็นเมืองต่าง ๆ หลายเมือง และอัพลิสต์ซิคห์ ก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่เป็นเมืองศูนย์กลางทางการค้า ได้ถูกสร้างขึ้นในราวพันปีก่อนคริสตกาล ต่อมาก็ได้ถูกขยายออกไปจนกว้างขวาง
นำท่านชม หมู่บ้านที่ถูกสร้างจากถ้ำ โดยมีเนื้อที่กว้างประมาณ 50 ไร่ ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนใต้ ส่วนกลาง และส่วนเหนือ ซึ่งส่วนกลางจะมีบริเวณใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างตัดหินและเจาะลึกเข้าไปเป็นที่อยู่อาศัย นอกจากนั้นยังถูกสร้างให้ต่อไปยังส่วนใต้โดยผ่านอุโมงค์และทางแคบ ๆ และบางแห่งก็จะมีบันไดจากศูนย์กลางกระจายออกไปยังส่วนต่าง ๆ ถ้ำส่วนมากจะไม่มีการตกแต่งใด ๆ ภายในเลย ถึงแม้ว่าบางแห่งจะเจาะเป็นถ้ำใหญ่โตก็จะมีเพดานห้องที่ทำเป็นที่หลบซ่อนอีกทีหนึ่ง และบางแห่งถึงแม้จะใหญ่โตแต่ก็ได้เจาะห้องเล็ก ๆ ทางด้านหลังเรือ ทางด้านข้างอีกด้วย ซึ่งบางที่อาจจะใช้ในการประกอบพิธีต่าง ๆ ได้ด้วย ในราวศตวรรษที่ 9-10 ที่ด้านบนของสถานที่แห่งนี้ได้ถูกสร้างเป็นยอดโดมด้วยหินและก่ออิฐ ซึ่งต่อมานักโบราณคดีได้ค้นพบสิ่งต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งเครื่องท่องเครื่องเงินและอัญมณีต่าง ๆ และยังมีเครื่องเซรามิคและการแกะสลักที่สวยงาม ซึ่งสิ่งของต่าง ๆ เหล่านี้ได้ถูกนำไปไว้ที่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่กรุงทบิลิซี
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองกอรี Gori (ระยะทาง 15 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที)
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ สตาลิน Stalin Museum ตั้งอยู่บนถนนสตาลิน Stalin Avenue ใจกลางเมืองโกรี เรื่องราวสตาลินมากมายถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ ทั้งภาพถ่าย ภาพวาด ข้างของเครื่องใช้ส่วนตัว และของขวัญ ของกำนัล จากบรรดามิตรประเทศ
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองทบิลิซี Tbilisi (ระยะทาง 86 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของจอร์เจีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคูรา Kura หรือเรียกกันว่า แม่น้ำมตควารี Mtkvari
นำท่านชม โบสถ์เมเตคี Metekhi Church โบสถ์เก่าแก่อายุราว 800 ปี ซึ่งสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่พระแม่มารีอิสระให้ท่านถ่ายรูปซึ่งนับว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองก็ว่าได้
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ สะพานสันติภาพ Peace Bridge สะพานความยาว 150 เมตร ซึ่งเชื่อมระหว่างตัวเมืองเก่าและเมืองใหม่ เปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2010 จัดว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่สวยงามชิ้นหนึ่ง ซึ่งพาดผ่านแม่น้ำคูรา
จากนั้นนำท่านแวะชม ป้อมนาริกาลา Narigala Fortress ป้อมปราการโบราณสมัยยุคศตวรรษที่ 4 ซึ่ง นักประวัติศาสตร์ให้การยกย่องว่าเป็นป้อมปราการป้อมหนึ่งบนเส้นทางสายไหมที่มีความแข็งแกร่งและตีได้ยากที่สุด
ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ ถนนรุสตาเวลี Rustaveli Avenue ถนนสายหลักของเมืองที่มีกลิ่นอายแบบยุโรป ด้วยอาคารรูปทรงใหญ่โต แข็งแรง เรียงรายไปด้วยร้านค้าสินค้าแบรนด์เนมต่าง ๆ ขณะที่แผงขายของที่ระลึกพื้นเมืองหลากหลายถูกวางขายบนทางเท้าตลอดริมสองข้างทาง อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าได้ตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
Biltmore Hotel หรือเทียบเท่า
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม ป้อมอันนานูรี Anauri Fortress (ระยะทาง 66 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) ป้อมปราการอันเก่าแก่ ถูกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16-17 ชมร่องรอยของซากกำแพงที่ล้อมรอบป้อมปราการแห่งนี้ไว้เปรียบเสมือนว่าเป็นที่ซ่อนเร้นความงดงามของโบสถ์ 2 หลังที่ตั้งอยู่ภายใน ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวเวอร์จิน ภายในยังมีหอคอยทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน จากมุมสูงของป้อมปราการนี้จะมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของ อ่างเก็บน้ำ ชินวารี Zhinvali ที่ซึ่งทำให้ชาวเมืองทบิลีซีมีน้ำไว้ดื่มไว้ใช้และชื่นชมทัศนียภาพทิวทัศน์ของภูเขาที่ล้อมรอบสถานที่แห่งนี้
จากนั้นออกเดินทางต่อไปตามเส้นทางหลวงริมฝั่งแม่น้ำ Aragvi ผ่าน Jvari Pass ที่ระดับความสูง 2,395 เมตร บนเทือกเขาคอเคซัสใหญ่ เพื่อเดินทางสู่ เมืองกูดาอูรี Gudauri (ระยะทาง 57 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที)
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
ให้ท่านได้แวะ ถ่ายรูป ณ จุดชมวิว ของ เมืองกูดาอูรี Gudauri จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคาคาสเบกิ Kazbegi (ระยะทาง 33 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลาง เทือกเขาคอเคซัส Caucasus Mountains ที่มีความสูง 1,700 เมตร หรือในปัจจุบันเรียกว่า เมืองสเตปันสมินดา Stepansminda ชื่อนี้ได้เปลี่ยนเมื่อปี 2006 นี้เอง แต่คนมักจะเรียกติดปากกันว่า คาสเบกิ เมืองนี้ถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวบนเทือกเขาคอเคซัสที่สำคัญของประเทศจอร์เจีย เพราะอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงและมีสาธารณูปโภค สำหรับการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นจุดชมวิว ยอดเขาคาสเบ็ค Mt. Kazbeg หนึ่งในยอดเขาที่สวยที่สุดของเทือกเขาคอเคซัส
ได้เวลานำท่านเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อ Jeep 4 Wheels Drive เพื่อเดินทางสู่ โบสถ์ มินดา ซาเมบา Tsminsa Sameba Church หรือ Gergeti Trinity Church โบสถ์ชื่อดังตั้งอยู่กลางหุบเขาคอเคซัส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศจอร์เจีย โบสถ์คริสต์นิกายจอร์เจียนออร์โธดอกซ์เก่าแก่นี้สร้างด้วยหินแกรนิตขนาดใหญ่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 บนยอดเขาที่มีความสูงถึง 2,170 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติของเทือกเขาคอเคซัสรอบทิศและโบสถ์เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวจึงทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาตั้งแต่สมัยที่จอร์เจียยังอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียตซึ่งตั้งอยู่อย่างสวยงามและโดดเด่นบนเนินเขาซึ่งรายล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีบนระดับความสูงที่ 2,170 เมตร
*** หมายเหตุ เนื่องด้วย เดือน พฤศจิกายน-เมษายน ของทุกปี จะเป็นช่วงฤดูหนาวของประเทศจอร์เจีย หิมะจะตกเป็นจำนวนมากและในแต่ละปีความหนาวเย็นของน้ำแข็งและหิมะก็ไม่เท่ากัน ทำให้ถนนหนทางที่มุ่งหน้าสู่โบสถ์มินดา วาเมบา นั้นปิดเพราะถนนลื่น ก่อนให้เกิดอันตราย รถบัสใหญ่ไม่สามารถขึ้นไปได้ บริษัทฯจะคำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ***
ได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองทบิลิซี Tbilisi (ระยะทาง 153 กิโลเมตา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
ค่ำ
รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
Biltmore Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่ 8
เมืองทบิลิซี - เมืองมิทสเคต้า
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองมิทสเคต้า Mtskheta (ระยะทาง 27 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ) ศูนย์กลางทางศาสนาของประเทศจอร์เจีย เมืองที่เก่าแก่ที่สุดของจอร์เจีย อายุกว่า 3,000 ปี ในอดีตเมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอิเบเรีย Iberia Kingdom ซึ่งเป็นราชอาณาจักรจอร์เจียในช่วง 500 ปี ก่อนคริสตกาล ถึงปี ค.ศ. 500 แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีอะไรหลงเหลือให้เราได้เห็นอีกต่อไปแล้ว ศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแพร่ที่เมืองนี่ช่วงศตวรรษที่ 4 องค์การยูเนสโก้ ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งเมืองมิสเคค้า Historical Monument of Mtskheta เป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1994 นอกจากนี้ องค์การยูเนสโก้ ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งเมืองมิทสเคต้า ให้เป็นมรดกโลก Unesco World Heritage Site
นำท่านชม มหาวิหารจวารี Jvari Monastery หรือ โบสถ์แห่งไม้กางเขนอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ สร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 6 ชาวจอร์เจียสักการะนับถือวิหารแห่งนี้เป็นอย่างมาก ภายในโบสถ์มีไม้กางเขนขนาดใหญ่ ซึ่งชาวเมืองกล่าวกันว่า นักบุญนีโน่ หรือ แม่ชีนีโน่ แห่งคัปปาโดเกีย (เมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศตุรกี) ได้นำไม้กางเขนนี้เข้ามาและเผยแพร่ศาสนาคริสต์เป็นครั้งแรกในช่วงโบราณกาล
นำท่านชม วิหารสเวติสเคอเวรี Svetitkhoveli Cathedral สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 11 โบสถ์แห่งนี้ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจอร์เจีย สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวจอร์เจีย ชื่อ Arsukisdze มีขนาดใหญ่เป็นดันดับสองของประเทศ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อและหันมารับนับถือศาสนาคริสต์ และให้ศาสนาคริสต์มาเป็นศาสนาประจำชาติของจอร์เจียเมื่อปี ค.ศ. 337 และถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย และภายในมีภาพเขียนเฟรสโก้ที่สวยงาม
ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับ เมืองทบิลิซี
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารไทย
บ่าย
นำท่านชมย่าน เมืองเก่าแห่งนครหลวงทบิลิซี่ Old Town Tbilisi ซึ่งมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ความอ่อนหวานของสีสันอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นที่ผสมผสานศิลปะแบบเปอร์เซียและยุโรป อาจกล่าวได้ว่า นี่คือการบรรจบกันของตะวันออกและตะวันตกอย่างหนึ่งในประเทศที่ตั้งอยู่ระหว่างสองทวีปอย่างจอร์เจีย เกิดเป็นศิลปะแบบจอร์เจียที่มีเอกลักษณ์
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ สะพานสันติภาพ Peace Bridge สะพานซึ่งมีความยาว 150 เมตร ซึ่งเชื่อมระหว่างตัวเมืองเก่าและเมืองใหม่ เปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2010 จัดว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมยุคใหม่ที่สวยงามชิ้นหนึ่งซึ่งพาดผ่านแม่น้ำคูรา ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
17.20 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK 383 (ใช้เวลาบิน ประมาณ 2.35 ชั่วโมง)
18.55 น.
เดินทางถึง สนามบินกรุงอิสตันบูล Istanbul (แวะเปลี่ยนเที่ยวบิน)
20.10 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร โดยสายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK 64 (ใช้เวลาบิน ประมาณ 9.30 ชั่วโมง)
วันที่ 9
กรุงอิสตันบูล - กรุงเทพมหานคร
09.40 น.
เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ