วันที่ 3
อะดิยามา - เนมรุต - สะพานเซเวอรัน - เมืองโบราณอาเซเมีย - สุสานคาราคูซ
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมได้เวลาอันสมควรนำท่านสู่สนามบิน
11.05 น.
เดินทางสู่ เมืองอดิยามาน Adiyaman โดย สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK 2216
12.50 น.
ถึงสนามบิน เมืองอาดิยามาน Adiyaman ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี
เที่ยง
บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น
บ่าย
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเนมรุต ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาเนมรุต (Mount Nemrut) มีความสูง 2,134 เมตรมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องรูปสลักขนาดใหญ่ที่สร้างในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลเดิม ภูเขาลูกนี้เป็นภูเขาไฟมาก่อนและเป็นที่ตั้งของสุสานกษัตริย์แห่งอาณาจักรโคมายานา(Commagene Kingdom) UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้สถานที่แห่งนี้เป็นมรดกโลก ในปี 1987
นำท่านชม สะพานเซเวอรัน สร้างประมาณปี ค.ศ.200 เพื่อถวายจักรพรรดิ Septimius Severus เป็นสะพานโรมันที่สร้างด้วยหินทั้งหมด 92 ก้อนๆ ละประมาณ 10 ตัน เป็นสะพานที่สร้างโดยชาวโรมันที่อาจจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง ยาว 120 เมตร กว้าง 7 เมตร ปัจจุบันยังคงอยู่สมบูรณ์แบบ
จากนั้นชม เมืองโบราณอาร์เซเมีย ซึ่งเดิมรู้จักในนามของป้อมปราการ สร้างเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามารุกรานที่อยู่อาศัยภายในอุโมงค์บริเวณนี้เคยได้รับการปกครองจาก อเล็กซานเดอร์มหาราช ผู้โด่งดัง กรีฑาทัพจากกรีซผ่านเมืองต่างๆมาเรื่อยจนถึงเอเชียกลาง หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ดินแดนที่พระองค์เคยรวบรวมไว้ก็แตกออกเป็นเมืองต่างๆ แล้วก็ปกครองตนเอง รวมถึงอาณาจักรโคมานายาแห่งนี้ วัฒนธรรมของโคมานายา เป็นอารยธรรมแบบกรีกผสมรวมเข้ากับความเชื่อของคนพื้นเมือง โคมานายาเป็นเอกเทศอยู่ 200 ปี ก่อนจะถูกรวบรวมเข้ากับจักรวรรดิโรมันในเวลาต่อมา
นำท่านชม สุสานคาราคูซ สุสานของราชินี Isiasและเจ้าหญิง Antiochisและ Aka I แห่งโคมายานา สร้างในช่วงปี 30-20 ก่อนคริสตกาล โดยกษัตริย์คนที่สองแห่งโคมายานา โดยคำว่า Karakusมีความหมายว่า นกสีดำ โดยชื่อนี้ได้มาจาก นกอินทรีย์ที่อยู่ด้านบนของเสาและรูปสลักกษัตริย์แห่งโคมายานา
จากนั้นนำท่านสุ่โรงแรมที่พัก เพื่อรับประทานอาหารค่ำ
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
ที่พัก
Euphrat HotelNemrut 4* Hotel หรือเทียบเท่า
วันที่ 4
ชมพระอาทิตย์ขึ้น ณ ภูเขาเนมรุต - มาลัตยา - ไคซีรี่ - คัปปาโดเจีย
05.30 น.
ท่านชมความสวยงามของ พระอาทิตย์ขึ้นที่ ภูเขาเนมรุต (Mount Nemrut)เป็นไฮไลท์ที่สำคัญส่วนหนึ่งของทริปนี้“ภูเขาเนมรุต เป็นสถานที่ที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่งสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้น กับ พระอาทิตย์ตกดิน ”องค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกภูเขาเนมรุตปี ค.ศ. 62 กษัตริย์แอนติโอได้สร้างสุสานโดยมีรูปปั้นของตนเองขนาดใหญ่และสิงโตสองตัวนกอินทรีและเทพเจ้าของเปอเซียไว้บนภูเขาหุบเขาเทพเจ้าแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักขอเรียงว่าระเบียง 3 ด้าน คือด้านทิศเหนือ ตะวันออก และตะวันตกระเบียงฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกประกอบด้วยแถวของหินสลักเทพเจ้าขนาดใหญ่ที่สลักจากเนื้อหินของภูเขา ส่วนระเบียงทางทิศเหนือไม่มีรูปสลักเหมือนอีกสองฝั่ง คาดว่าเป็นที่ชุมนุมในช่วงที่มีการประกอบพิธี ไม่มีร่องรอยของการสร้างสิ่งอื่นใดในเขตบริเวณนี้คือระเบียงฝั่งตะวันตกระเบียงฝั่งตะวันออกอยู่ในสภาพดีกว่าฝั่งตะวันตก รูปสลักหินส่วนลำตัวยังนั่งอยู่บนบัลลังค์ความสูง 8-10 เมตร แต่ส่วนเศียรร่วงลงมา แต่ถูกจับเรียงตั้งขึ้นเป็นแถว ซึ่งส่วนเศียรก็มีความสูง 2 เมตรรูปสลักหินทั้งหมดจากที่รวบรวมไว้ได้มี สิงโต นกอินทรี ซึ่งสัตว์ 2 ชนิดนี้มีหน้าที่คุ้มคองทุกสิ่งบนหุบเขา รูปสลักหินกษัตริย์ Antiochos I, เทพีโคมายานา, ซุส-อารามาสต์, เทพอาร์เมเนียน, สุริยเทพอะพอลโลม เทพเฮอร์คิวลิให้ท่านเก็บภาพประทับใจ จากนั้นกลับสู่กลับสุ่โรงแรมที่พัก เพื่อรับประทานอาหารเช้า
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่ เมืองมาลัตยา เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากของผลไม้แอพริคอต
นำท่านสู่ ตลาด Sire Bazaar ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการค้าส่งผลไม้แอพริคอตทั้งแอพริคอตสดและแอพริคอตแห้ง อีกทั้งยังมีหลากหลายสินค้าแปรรูปจากแอพริคอต และผลไม้ตามฤดูกาล อิสระให้ท่านเลือกซื้อและเดินเล่นชมสีสันของตลาดท้องถิ่น
เที่ยง
บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น
บ่าย
เดินทางสู่ เมืองไครซีรี ซึ่งตั้นอยู่ตอนกลางของดินแดนอนาโตเลีย เดิมเป็นศูนย์กลางการค้าในยุคสมัยเก่าแก่
นำท่านชม Sultanhan คาราวานสไรน์ ถูกสร้างขึ้นในสมัยเซจุกโดยสุลตาลAlaeddinKeykubatในต้นศตวรรษที่ 13 ปัจจุบันยังคงเป็นศูนย์กลางค้าที่ใหญ่
นำทานชม ตลาดปลา ที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเจีย เป็นเมืองที่อยู่ระหว่างทะเลดำกับภูเขาเทารุส เป็นดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์ซึ่งเกิดจากลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แล้วทับถมเป็นเวลาหลายล้านปี เมื่อวันเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน และหิมะได้เป็นกัดเซาะแผ่นดิน มาเรื่อยๆ ก่อให้เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก เนินเขา กรวยหินและเสารูปทรงต่างๆ เกิดเป็นภูมิประเทศที่งดงาม แปลกตาและน่าอัศจรรย์ ดั่งสวรรค์บนดิน จนได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งปล่องนางฟ้า” และได้รับการแต่งตั้งจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี และยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาแต่โบราณกาลเพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ทอดยาวจากตุรกีไปจรดประเทศจีน
ค่ำ
บริการอาหารค่ำณ โรงแรมที่พัก
ที่พัก
ALFINA Cave Hotel 5* หรือเทียบเท่า * หมายเหตุ: กรณีห้องพักของโรงแรมถ้ำเต็ม ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกัน
วันที่ 5
นครใต้ดิน - หมูบ้านอวานอส - คัปปาโดเกีย
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
05.00 น.
สำหรับท่านที่สนใจ นั่งบอลลูน พร้อมกัน ณ บริเวณล๊อบบี้ **(ทัวร์นั่งบอลลูนนี้ไม่รวมอยู่ในรายการทัวร์ ค่าขึ้นบอลลูนท่านละ 240 ดอลล่าสหรัฐ ในกรณีที่ชำระด้วยเงินสด และราคา 250 ดอลล่าสหรัฐ ในกรณีที่ชำระด้วยบัตรเครดิต บริษัทตัวแทนผู้ให้บริการทัวร์บอลลูนในตุรกี มีประกันภัยให้กับทุกท่าน แต่สำหรับประกันภัยที่ทำจากเมืองไทย ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นการเลือกซื้อ Optional Tourรายการนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละท่าน)**
นำท่านชม นครใต้ดิน (underground city)ซึ่งเกิดจาการขุดเจาะพื้นดินลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรูในยามสงคราม ของชาวคัปปาโดเจียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกที่ที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อประโยชน์ทางการค้า และชาวโรมันจากทางตะวันตก ด้วยเหตุผลเดียวกัน รวมทั้งต้องการที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ด้วย โดยชั้นล่างที่ลึกที่สุด ลึกถึง 85 เมตร เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบทุกอย่าง ทั้งห้องโถง, ห้องนอน, ห้องน้ำ, ห้องถนอนอาหาร, ห้องครัว, ห้องอาหาร, โบสถ์, ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส และด้วยการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศไปในตัส ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกจากนั้นนำท่านชมหมู่บ้านของนกพิราบ โดยชาวบ้านได้ขุดเจาะโพรง เจาะรูเอาไว้ให้นกมาอยู่อาศัยเพื่อจะได้เก็บขี้นกพิราบไป
เที่ยง
บริการอาหารกลางวันณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านสู่ หมู่บ้านอวานอส ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา และงานเซรามิก แทบทุกร้านจะมีผลิตภัณฑ์จากงานปั้นวางอยู่หน้าร้าน แต่ในบ้านมีโชว์เครื่องปั้นหม้อทุกบ้าน อวานอสเป็นเมืองเล็กๆที่มีแม่น้ำไหลผ่าน แต่เป็นแม่น้ำที่มีตะกอนแดง ชาวบ้านเลยนำดินจากแม่น้ำมาลองปั้นใช้เป็นอุปกรณ์ ของเครื่องใช้ ที่ใช้ภายในบ้าน เช่น ถ้วย ชาม ไห ฯลฯ ต่อมาได้เริ่มปั้นพวกโอ่ง แจกัน และเครื่องประดับบ้าน ชมการสาธิตการทำเครื่องปั้นดินเผาของแบบดั้งเดิมของชาวคัปปาโดเกีย
จากนั้นนำท่านสู่ เมืองอุชิซาร์ เป็นพื้นที่ที่มีจุดเด่นคือภูเขาขนาดใหญ่มีรูพรุนเหมือนรวงผึ้ง รายล้อมไปด้วย หินทรงกระโจม กรวยคว่ำ และเจดีย์เต็มไปหมด ที่สำคัญก็คือส่วนหนึ่งของหินเหล่านี้มีคนอาศัยอยู่ภายใน ในลักษณะ“บ้านถ้ำ” มาช้านานนับจากอดีตถึงปัจจุบัน เป็นการอยู่อาศัยแบบ“เจาะเข้าไป”ภายในหิน โดยไม่มีการ“ทุบทำลายหิน”เหล่านี้ทิ้งเพื่อปรับพื้นที่ให้ราบเรียบแต่อย่างใด ส่วนบ้านที่ปลูกสร้างขึ้นใหม่ก็ทำอย่างกลมกลืน ไม่ทำลายทัศนียภาพ นับเป็นการอยู่อาศัยกับธรรมชาติอย่างอิงแอบพึ่งพิงที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นนำท่านเข้าชม โรงงานผลิตพรม (Carpet School & Factory) ชมวิธีการทอพรมแบบดั้งเดิมซึ่งถือได้ว่าเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของตุรกี
ก่อนจะนำท่านสู่ หุบเขาเดฟเรนท์ (Devrent Valley)หุบเขาแห่งจินตนาการ ตื่นตากับอัศจรรย์ของภูมิประเทศที่แปลกตาที่ดูคล้ายพื้นผิวดวงจันทร์ หรือดาวเคราะห์ดวงอื่น ในจักรวาลมากกว่าพื้นผิวโลก เต็มไปด้วยหินรูปทรงแปลกตา
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก
ALFINA Cave Hotel 5*หรือเทียบเท่า * หมายเหตุ: กรณีห้องพักของโรงแรมถ้ำเต็ม ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกัน
วันที่ 6
เมืองคอนยา - Obruk lake - เมืองปามุคคาเล่
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (Konya) อดีตเมืองหลวงของอาณาจักร เซลจูคในช่วงปี ค.ศ. 1071 - 1308 รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่สําคัญของภูมิภาคแถบนี้
โดยระหว่างทางนําท่านชมความสวยงามของ Obruk lake ซึ่งเกิดจากอุกกาบาตได้ตกลงมาจึงเกิดแอ่งน้ำเป็นธรรมชาตินับพันปีชม“คาราวานสไรน์” ที่พักแรมและที่แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างทางของชาวเติร์กในสมัยออตโตมัน ในการเดินทางนี้ท่านจะได้ชมทัศนียภาพที่งดงามตามธรรมชาติตลอดสองฝั่งทางของภูมิภาคตอนกลางของตุรกี
เที่ยง
บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) เข้าชม ปราสาทปุยฝ้าย เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผาผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก ปามุคคาเล่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก
Lycus River Hotel 5*หรือเทียบเท่า
วันที่ 7
เมืองคูซาดาซี - หมู่บ้านออตโตมัน - โรงงานเครื่องหนัง
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกีตัดกับชายฝั่งทะเลอีเจี้ยนซึ่งเป็นท่าเรือที่สำคัญระหว่างการเดินทางท่านจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามของท้องทะเลสีฟ้าครมของทะเลอีเจี้ยน
จากนั้นนำท่านสู่ หมู่บ้านออตโตมันดั้งเดิม ชมอารยะธรรมและบ้านเรือนสมัยแบบเก่าของสมัยออตโตมันที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ และเลือกชมซื้อสินค้าพื้นเมือง ได้เวลาอันสมควร
เที่ยง
บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเยี่ยมชม โรงงานเครื่องหนัง (Leather Jacket Factory) ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศตุรกี ตุรกีเป็นประเทศที่ผลิตหนังที่มีคุณภาพที่สุด อีกทั้งยังผลิตเสื้อหนังส่งให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี เช่น Versace , Prada , Michael Kors อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก
Ramada Resort Hotel 5* หรือเทียบเท่า
วันที่ 8
เมืองเอฟฟิซุส - อิสตันบูล
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านสู่ เมืองเอฟฟิซุส (City of Ephesus) เมืองโบราณ ที่ขนานนามว่า มหานครแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่งเคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Ionian) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราชภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนา “เอฟฟิซุส” ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชมห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบเฮเลนนิสติคที่มีความปราณีตจากนั้นนำท่านเก็บภาพประทับใจกับอนุสรณ์สถานของพระแม่มารี
เที่ยง
บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินอิซเมียร์
15.05-16.25 น.
เดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล เที่ยวบินที่ TK2325 (บินภายในประเทศ)
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
Park Inn By Radisson Hotel 5* หรือเทียบเท่า
วันที่ 9
พระราชวังโดลมาบาห์เช่ - สไปซ์มาร์เกต - จตุรัสทักซิม - สนามบินอิสตันบูล
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชม พระราชวังโดลมาบาห์เช่ ซึ่งเป็นพระราชวังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างมากทางด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของจักรวรรดิออตโตมัน เป็นศิลปะที่ผสมผสานของยุโรปและตะวันออก ที่ได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างสวยงาม นาฬิกาทุกเรือนของที่นี่จะถูกตั้งเวลาไว้ที่ 09.05 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ เคมเล อตาเติร์ก วีรบุรุษของชาติถึงแก่อสัญกรรม ในวันที่ 10 พ.ย. ค.ศ. 1938
จากนั้นนำท่านสู่ ตลาดสไปซ์มาร์เกต อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยาว์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันขึ้นชื่อของตุรกีอย่าง แอปปลิคอท หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย
เที่ยง
บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น
บ่าย
จากนั้นนำท่านสู่ จตุรัสทักซิม (Taksim Square) เป็นสถานท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงและถือเป็นหัวใจของอิสตันบูลสมัยใหม่ อิสระให้ท่านเก็บภาพสีสันของวิถีชีวิตคนเมืองอิสตันบูลและช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล
ค่ำ
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
วันที่ 10
อิสตันบูล - กรุงเทพ
01.25 น.
ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK 68 (ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง)
15.00 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดีภาพและความประทับใจ