10.35 น.
ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธีร์ เมืองเดลลี (New Delhi) ตามเวลาท้องถิ่น ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นเดินทางสู่ อักชารดาห์ม (Akshardham) หรือ อัชดัม วัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่ที่น่าเลื่อมใสของมหาชนทั่วประเทศอินเดีย ในอินเดียมีวัดลักษณะเช่นนี้อยู่มากแต่ในที่สุด บริษัทกินเนสก็มอบใบประกาศนียบัตร วัดฮินดูใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับวัดนี้ ด้วยเหตุผลคือเป็นวัดใหญ่ที่สุด สร้างโดยเอกชนและถือว่าเป็นวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุด เพราะมีบริเวณกว้างมากถึง 86,342 ตารางฟุต วัดนี้มีความอัศจรรย์มากมาย สร้างด้วยหินทรายสีชมพู แกะสลัก และปูพื้นด้วยหินอ่อน มียอดโดมเป็นหินทรายชมพูแกะสลักตัวโดมสูง 72 ฟุต มีเสา โดม ล้อม 1,160 ต้น รอบโดมแกะเป็นเศียรคชสารจำนวน 148 เศียร ด้านในบรรจุเทพเจ้าฮินดูแกะสลักกว่า20,000 องค์ ใช้เวลาสร้าง 5 ปีเท่านั้น โดยท่านประมุขสวามีมหาราช เป็นผู้ออกแบบเพียงคนเดียวเป็นสถาปัตยกรรมฮินดูที เก่าแก่ที่สุดก่อสร้างโดยช่างอาสาสมัครมีทั้งนักบวชช่างศิลปะรวมถึงนักแสวงบุญทุกคน
บ่าย
นำท่านชม ราชปาติภาวัน ที่พำนักของประธานาธิบดี (Presidential Palace หรือ Rashtrapati Bhavan) เป็นสถาปัตยกรรมแบบโมกุลผสานกับแบบตะวันตกที่มีขนาดใหญ่โตและซับซ้อน สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในที่พำนักของประธานาธิบดีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่พำนักของประธานาธิบดีอินเดีย (Rashtrapati Bhavan) ในนิวเดลีเป็นหนึ่งในบ้านพักของประมุขแห่งรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อาคารมีขนาด 19,000 ตารางเมตร (200,000 ตารางฟุต) มีสี่ชั้นและ 340 ห้อง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 130 เฮกตาร์ (320 เอเคอร์) ณ ใจกลางของเมือง รูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานคตินิยมแบบโมกุลและยุโรปในลักษณะอันมีเสน่ห์น่าทึ่ง นำท่านชม ประตูเมืองอินเดีย (Indian Gate) ใช้เป็นอนุสาวรีย์ของทหารที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จุดไฟ อมรชีวินบูชาวิญญาณนักรบไม่เคยดับ ตั้งแต่ พ.ศ.2474 (ค.ศ.1931) จวบจนปัจจุบัน มีชื่อจารึกไว้ที่แผ่นหิน 85,000 ชื่อ
06.30 น.
เดินทางสู่ เมืองเลห์ โดย สายการบิน Go Air เที่ยวบินที่ 203 (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 20 นาที)
ตอนเช้าจากนิวเดลีเที่ยวบินนี้เป็นหนึ่งในเที่ยวบินที่น่าตื่นเต้นที่สุดในโลก ในวันที่ชัดเจนจากด้านหนึ่งของเครื่องบินที่สามารถเห็นได้ในระยะทางที่ยอดของ K2,Nanga Parbat, Gasherbrum และในด้านอื่น ๆ
07.53 น.
เดินทางถึง สนามบินเมืองเลห์ …เมืองศูนย์กลางของการท่องเที่ยว เป็นเมืองที่อยู่ในความสูงระดับ 3,505 เมตรจากระดับน้ำทะเล และยังคงมีมีกลิ่นอายวัฒนธรรมของชาวทิเบตหลงเหลือให้เห็นอากาศเบาบาง
นำท่านเข้าโรงแรม พร้อมรับประทานอาหารเช้า
หลังอาหาร ให้ท่านได้พักผ่อนเพื่อปรับสภาพอากาศที่เบาบาง เนื่องจากเลห์อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 3,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล หากอยู่ที่สูงแนะนำให้ดื่มน้ำบ่อยๆค่ะ เพราะอากาศค่อนข้างแห้งและเบาบาง ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่ายและจำนวนมาก ซึ่งทางทีมงานมียาป้องกันโรคแพ้ความสูงให้รับประทานก่อนเดินทางมายังเมืองเลห์
“เลห์ เมืองหลวงของแคว้นลาดักห์” เขตแคชเมียร์ ประเทศอินเดีย มีอีกชื่อ คือ ทิเบตน้อย (Little Tibet) เพราะวัฒนธรรมส่วนใหญ่มาจากทิเบต เลห์เป็นเมืองเล็กๆในอ้อมกอดแห่งขุนเขา อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง12,00 ฟุต หรือรวม 3500 เมตร ที่นี่มีส่วนผสมของวัฒนธรรมและเชื้อชาติที่หลากหลายเดินไปไหนก็เห็นแขกอินเดีย แขกขาวแบบปากีสถาน บางคนหน้าออกไปทางจีนและธิเบต ผู้คนแถบนี้ยิ้มแย้มแจ่มใส ใจดี ใช้ชีวิตแบบช้าๆ อยู่กับธรรมชาติ
วันที่ 3
เมืองเลห์ - ถนนที่สูงที่สุดในโลก Khardung La Pass - นูบร้าวัลเล่ย์ - วัดดิสกิต - ขี่อูฐที่ฮุนเดอร์
07.00 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
08.00 น.
จากนั้นพาท่านเดินทางสู่ นูบร้าวัลเล่ย์ (Nubra Valley) (ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง) หุบเขาทางตอนเหนือของเลห์ ที่มีอากาศอบอุ่นกว่า และทำการเพาะปลูกได้มากกว่า ทั้งยังมีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆของแคว้นลาดักห์ โดยวันนี้เราจะใช้เส้นทางถนนที่สูงที่สุดในโลก Khardung La Pass ที่ระดับความสูงราว 5,600 เมตร จากระดับน้ำทะเลเป็นเส้นทางที่สวยมาก จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นเทือกเขาคาราโครัมในประเทศปากีสถานได้เลย และที่จุดสูงสุดนี้เราจะไม่ให้คณะอยู่นานนัก เพราะอากาศที่เบาบางอาจทำให้เราแพ้ความสูงและไม่สบายได้ โดยเส้นทางจากเลห์ช่วงต้นมาที่หุบเขานูบร้า จะเป็นทางลาดยางบนหุบเขา
ผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลกอย่าง ถนนคาดุงลาพาส (Khardung La Pass) ซึ่งมีความสูง 5,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล เส้นทางจะเป็นทางลูกหิน แวะถ่ายรูปกันสักประมาณ 30 นาที
จากนั้นเดินทางกันต่อไปยัง “นูบร้าวัลเล่ย” (Nubra Valley) หรือ หุบเขาแห่งดอกไม้ทางเหนือของเมืองเลย์ ชมดอกไม้นานาพันธุ์ เช่นดอกแอปเปิ้ล สวนแอปริคอต และนกนานาชนิด เส้นทางนี้เป็นเส้นลางลัดเลาะหุบเขา
13.30 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ณ ภัตตาคาร หรือ เต็นท์ที่พัก
บ่าย
นำท่านสนุกสนานกับการ ขี่อูฐ ที่ทะเลทรายบนเทือกเขาหิมาลัย (รวมอยู่ในค่าบริการ) ขี่อูฐชม ทะเลทรายฮุนด้า (Hunder Sandune) เป็นทะเลทรายสีขาว มีภาพหลังเป็นทิวเขาสูงใหญ่ กิจกรรมยอดฮิตคือ ขี่อูฐ เที่ยวทะเลทราย และชมพระอาทิตย์ยามเย็น
ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของ หุบเขานูบรา ที่ นูบร้าวัลเล่ย์ เป็นแหล่งปลูกแอปเปิ้ลและแอปปลิคอทมากมาย และมีอากาศไม่หนาวมากนักสบายๆ ในความสูงระดับประมาณสองพันกว่าเมตร ดังนั้นจึงเป็นเมืองที่สบายๆคล้ายกับบ้านเรา
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก
NUBRA TENT หรือเทียบเท่า
วันที่ 4
นูบร้าวัลเล่ย์ - เมืองเลห์
07.00 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
จากนั้นสมควรแก่เวลา เดินทางกลับเมืองเลห์ ก่อนอำลา “หุบเขาดอกไม้” แวะ วัดเดสกิต (Deskit Monastery) ตั้งอยู่บนเนินเขาเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม เป็นวัดเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในแถบนูบร้าวัลเล่ห์ ซึ่งภายในวัดประดิษฐานพระศรีอาริยเมตไตขนาดใหญ่มากมองเห็นได้จากทั่วทุกซอกมุมของนูบร้าวัลเลย์ และตัววัดก็มีฉากหลังเป็นยอดเขาหิมะที่สวยงาม วัดเก่าแก่อายุมากกว่า 500 ปี ชม วัดซัมสทันลิ่ง (Samstanling Monastery) วัดพุทธสไตล์ทิเบต ของนิกายหมวกเหลือง ที่มีความเก่าแก่มากกว่า 100 ปี เป็นวัดที่มีพระและเณรจำนวนมาก มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อนุรักษ์ดูแลไว้เป็นอย่างดี
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเลห์ ข้าม คาร์ดุงลา “Khardung La” ถนนที่สูงที่สุดในโลก ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทางผ่าน Khardungla Pass เส้นทางเดิมที่มา
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
บ่าย
เดินทางสู่ เมือง Leh Ladakh เมืองทางเหนือของประเทศอินเดียที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาหิมะ ธรรมชาติแสนยิ่งใหญ่ และวัฒนธรรมของชาวลาดักห์ ที่นี่คือสวรรค์บนดินของนักเดินทางอย่างแท้จริง
ชม พระราชวังเลห์ ตั้งอยู่บนเนินเขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากจัตุรัสกลางเมืองเลห์ พระราชวังเลห์สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 มีทั้งหมด 9 ชั้น ในอดีตเป็นพระราชวังที่ประทับของราชวงศ์แห่งลาดักห์
จากนั้นชม Tsemo Gompa เป็นวัดที่สร้างใน ค.ศ. 1430 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสูงขนาดตึก 3 ชั้น และพระคัมภีร์เก่าแก่ วัดนี้เป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง ที่สามารถเห็นตัวเมืองเลห์ได้อย่างสวยงาม
ชมและสักการะ เจดีย์สันติภาพ (Shanti Stupa) เจดีย์สันติภาพ เป็นเจดีย์สีขาว ขนาดใหญ่โดยญี่ปุ่นเป็นผู้สร้างขึ้นเพื่อประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสันติภาพแห่งโลก รอบๆเจดีย์สามารถมองเห็นหิวทัศน์ของเมืองเลห์ได้อย่างรอบด้าน
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก
HOTEL ROYAL PALACE หรือเทียบเท่า
วันที่ 5
เมืองเลห์ - วัดเฮมิส - Matho Gompa - วัดทิกเซ่ - พระราชวังเชย์
07.00 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
08.00 น.
ออกเดินทางไปยัง วัดเฮมิส (Hemis Gompa) ตั้งอยู่สุดถนนอันคดเคี้ยวที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำสินธุ ห่างจากตัวเมืองเลห์มาประมาณ 45 กิโลเมตร เป็นวัดเก่าแก่โบราณที่มีอายุกว่า 400 ปี “วัดเฮมิส” (Hemis Gompa) เป็นวัดที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากวัดติ๊กเชย์ เป็นวัดหลักของนิกายนิงมาปะ หรือนิกายหมวกแดงที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในแคว้นลาดัก และยังมีรูปปั้นองค์ปัทมาสมภพที่ใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ในวัดแห่งนี้ด้วย โดยทุกๆปีจะมีการจัดงานระบำบหน้ากากของพระลามะ ให้ชมกันที่วัดเฮมิส ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเดือน มิถุนายน - กรกฎาคม งานใหญ่ของวัดแห่งนี้คือการนำภาพพระกบฎขนาดมหึมา นำออกมาให้บูชาทุกๆ 12 ปี (ครั้งที่ผ่านปี 2016 -ครั้งหน้าปี 2028)
เทศกาลระบำหน้ากาก เป็นงานที่พระลามะ มาเต้นระบำหน้ากาก เพื่อเป็นการระลึกถึงพระศาสนา และระลึกถึงพระปัทมะสัมภาวะ หรือ ที่ทางทิเบตรู้จักกันใน กูรูรินปูเช่ ( Guru Rimpoche ) งานนี้จะมีระยะเวลาประมาณ 2 วัน วัดเฮมิสจะมีเทศกาลประจำปีเรียกว่า เฮมิส-เตชู (Hemis Tse-Chu) อันเปรียบเสมือนงานบุญใหญ่และมหาพิธีแห่งลาดักห์ คำว่า เตชู หมายถึง วันที่ 10 งานเฮมิส-เตชู จึงจัดขึ้นทุกวันที่ 10 - 11 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติของทิเบต เพราะวันที่ 10 เดือน 5 ถือเป็นวันคล้ายวันสมภพของท่านปัทมสัมภวะ และทุกรอบปีนักษัตรที่ตรงกับปีวอก (ปีลิง) ซึ่งเชื่อว่าเป็นปีเกิดของท่านปัทมสัมภวะ ซึ่งจะมีพิธีคลี่ผ้าทังก้าผืนใหญ่ที่สุดในลาดักห์ให้ผู้คนได้สักการะตามขนบ จารีตสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งในการมาร่วมกันสร้างกุศลจิตเพื่อปัดเป่าขับไล่สิ่งอัปมงคลให้หมดไปและ ยังถือว่าจะได้รับกุศลแรงกล้าจากการร่วมอยู่ในพิธี ชาม (Cham) หรือ ระบำหน้ากาก
จากนั้นชม วัดทิกเซ่ (Thiksey Gompa) สายใยของพุทธศาสนา ที่ทำให้ลาดักร่ำรวยทางจิตวิญญาณ เป็นวัดที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขามีภูมิทัศน์ที่สวยงาม วัดนี้ก่อตั้งเมื่อศตวรรษที่ 15 เป็นวัดในนิกายเกลุกปะ หรือ นิกายหมวกเหลือง (นิกายเดียวกับดาไลลามะองค์ปัจจุบัน) ที่วัดยังมีพระศรีอาริยเมตไตรย์ ซึ่งถือเป็นมาสเตอร์พีซฝีมือช่างศิลป์ ใช้เวลาสร้างถึง 2 ปีด้วยกัน และจากอายุหลายร้อยปีของวัดนี้ จึงมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ทั้งสถาปัตยกรรมและความงามทางศิลปะที่ยังคงหลงเหลือให้ผู้คนเข้ามาศึกษา และชื่นชมอยู่จนทุกวันนี้
12.30 น.
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือ โรงแรม
บ่าย
นำท่านไป พระราชวังเชย์ (Shey Palace) เมืองเชเคยเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของลาดัก ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 15 เป็นพระราชวังฤดูร้อน มีอายุราว 500 ปีของกษัตริย์ผู้เคยยิ่งใหญ่ในอดีต พระราชวังหลวงและพระอารามสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่ประทับของกษัตริย์ และประดิษฐานพระพุทธรูปทองแดงที่สูงใหญ่ขนาดตึกสามชั้น สร้างโดยกษัตริย์ Deldan Namgyal และโปรดเกล้าให้สร้างสถูป Numgyal Chorten หรือสถูปแห่งชัยชนะ (Victory Stupa) ที่ด้านบนของสถูปสร้างด้วยทองคำบริสุทธิ์
สมควรแก่เวลาเดินทางกลับ ตัวเมืองเลห์
วัดซันเคอร์ Sankar Gompa อยู่ทางตอนเหนือราว 5 กิโลเมตรของเมืองเลห์ อารามแห่งนี้เปิดให้เข้าชมเฉพาะในเวลาเช้าและเย็นเท่านั้น วัดซันเคอร์เป็นวัดในนิกายเกลุกปะ หรือนิกายหมวกเหลือง สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 ปัจจุบันอารามแห่งนี้เป็นที่พำนักของพระราชาคณะแห่งลาดัคห์ นิกายหมวกเหลืองหรือซองกาปะ มีพระสงฆ์เพียง 20 องค์เท่านั้นอาศัยอยู่ที่นี่ และมีเพียงไม่กี่คนที่อาศัยอยู่อย่างถาวร ดังนั้นเวลาที่ไปเยือนจะถูกจำกัดไว้เฉพาะตอนเช้าและเย็นเท่านั้น
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม อิสระตามอัธยาศัย
ที่พัก
Hotel Royal Palace หรือเทียบเท่า
วันที่ 6
เมืองเลห์ - Chang La pass - ทะเลสาบพันกอง - เมืองเลห์
06.30 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
07.00 น.
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “ทะเลสาบพันกอง” (Pangong Lake) โดยนั่งรถผ่านถนนเส้นที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก Chang La pass เป็นเส้นทางสัญจรบนภูเขาที่สามารถขับขี่ได้อันดับสามของโลกระดับความสูง 5,360 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นเส้นทางผ่านภูเขาสูงในลาดักห์ จัมมูและแคชเมียร์มันถูกอ้างว่าเป็นถนนที่มีความสามารถสูงสุดเป็นอันดับสองในโลก ระหว่างทางขึ้นมันก็สวยแบบเกินคำบรรยาย...สิ่งต่อไปที่คุณสามารถทำได้คือเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามรอบตัวให้แน่ใจว่าได้คลิกรูปภาพมากพอคุณจะได้จดจำความทรงจำตลอดช่วงชีวิตของคุณ
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง
บ่าย
ชมความงามของ ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake) ซึ่งมีความยาวถึง 40 ไมล์ เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงสุดในโลกคือ มีความสูงถึง 4300 เมตร จากระดับน้ำทะเล ชมความงามของทะเลสาบที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่งดงามมาก โดยเฉพาะในช่วงเย็นน้ำจะมีสีน้ำเงินเข้ม ส่วนในช่วงเช้าจะมีสีที่อ่อนกว่า และพื้นที่ 75% ของทะเลสาบอยู่ในดินแดนทิเบต อีก 25% อยู่ในเขตของประเทศอินเดีย อิสระถ่ายรูปกับ ทะเลสาบพันกอง เป็นวิวที่เรียกว่า ได้รับความนิยมสูงสุดของเลห์
จากนั้นเดินทางกลับสู่ เมืองเลห์ โดยใช้เส้นทางเดิม โดยการเดินทางในวันนี้จะผ่านจุดที่สูงที่สุดของถนนสายนี้คือประมาณ 5,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล เรียกจุดนี้ว่า Chang La Pass เราจะจอดให้ท่านได้ถ่ายรูปสักครู่ ไม่ควรอยู่นานเกินไปเพราะจะทำให้เราไม่สบายได้ ออกเดินทางเพลิดเพลินกับวิวสองข้างทางเปิดโอกาสให้จอดถ่ายรูปเป็นระยะๆ
ถึงเมืองเลห์ นำท่านเดินเล่น ช็อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าของฝาก ของที่ระลึก ที่ ถนนเมนบาร์ซาร์
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม
ที่พัก
Hotel Royal Palace หรือเทียบเท่า
วันที่ 7
เมืองเลห์ - เดลลี - กรุงเทพฯ
05.00 น.
รับประทานอาหารเช้า(แบบกล่อง) ที่โรงแรมจัดเตรียม
05.30 น.
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินเลห์
06.30 น.
ออกเดินทางกรุงนิวเดลี โดยสายการบิน Go Air เที่ยวบินที่ G8203
07.35 น.
เดินทางถึง สนามบินอินทิรา คานธี นิวเดลี หลังจากที่ได้กระเป๋าและสัมภาระครบแล้ว นำท่านเดินทางเข้าอาคารระหว่างประเทศ เช็คอินต่อ ที่เคาท์เตอร์สายการบิน การบินไทย และผ่านกระบวนการพิธีตรวจคนเข้าเมือง
11.40 น.
เหินฟ้ากลับกรุงเทพฯ โดย สายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG324
17.35 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ