วันที่ 3
ชีราช - PINK MOSQUE - พระราชวัง PERSEPOLIS - อิสฟาฮาน
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำท่านชมความสวยงามของ มัสยิดสีชมพู (Pink Mosque) หรือ Nasir ol Molk สุเหร่าสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ Qajar ประมาณปี ค.ศ. 1876 - 1888 โดยคำสั่งของผู้ครองนคร Shiraz ในสมัยนั้นภายในประดับประดาไปด้วยกระเบื้องโทนสีแดง สีชมพู สีเหลือง เป็นสีหลัก ซึ่งเป็นเพียงมัสยิดแห่งเดียวในอิหร่าน ไม่ว่าท่านจะมองมาจากมุมใดของมัสยิดก็ตามท่านจะได้เห็นสีของกระเบื้องที่ตกแต่งภายในเป็นสีชมพูสวยงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดดยามเช้าที่สาดแสงผ่านกระจกสีลงมากระทบพื้นดูสวยงามเกินคำบรรยายจริงๆ
นำท่านออกเดินทางสู่ พระราชวังโบราณเปอร์ซีโพลิส (Persepolis) ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม. (60 กม.) ในอดีตสถานที่นี้ได้เป็นเมืองหลวง และศูนย์กลางที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเปอร์เซียในยุคของดาริอุสมหาราช และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1979 ให้ท่านได้ชมโบราณสถานที่สร้างโดยกษัตริย์ดาริอุสมหาราชก่อนคริศตกาลประมาณ 520 ปี จนถึงรัชสมัยของดาริอุสที่ 3 ซึ่งได้ถูกก่อสร้างปรับปรุงต่อเติมมาตลอดระยะเวลา 200 ปี นครแห่งนี้เป็นป้อมปราการและนครศูนย์กลางที่ประกอบด้วยราชวังต่างๆ ห้องโถงใหญ่ ที่เก็บทรัพย์สมบัติ ที่เก็บสิ่งของมีค่าต่างๆ ที่มีความสำคัญที่สุด แต่ในปี ค.ศ. 330 ก่อนคริสตกาล ได้ถูกกองทัพของอเล็กซานเดอร์มหาราช บุกเข้าทำลายเผาผลาญจนพินาศไป เหลือแต่ซากปรักหักพังไว้ให้ชม
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
จากนั้นไม่ไกลนำท่านไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสุสานที่ฝังศพของกษัตริย์ 4 องค์ เนโครโพลิส (Necropolis) หรือ Naqsh-e Rostam ให้ท่านได้ชมสถาปัตยกรรมที่เด่นในการแกะสลักบนผาหินและที่สำคัญเป็นสุสานของษัตริย์ดาริอุสที่ 1 และกษัตริย์องค์ต่อๆมาอีก 3 พระองค์ ซึ่งเคยปกครองนครเปอร์เซโพลิสมาก่อน
นครหลังความตาย นัค-เชรอสตัม Naqsh-e-Rostam หรือ สุสานสี่กษัตริย์ สถานที่แห่งนี้เป็นสุสานของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์อะคามินิดที่เคยปกครองอาณาจักรเปอร์เซียและเคยประทับที่พระราชวังแห่งนี้มาก่อนที่จะสวรรคต แต่ด้วยความเชื่อตามหลักคำสอนของศาสนาโซโรแอสเตอร์ที่ว่า หลังจากจบสิ้นชีวิตจากความเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้แล้ว ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อเพียงแต่ว่าจะต้องไปสู่อีกโลกหนึ่งหรือในอีกมิติหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องสร้างสุสานแห่งนี้ขึ้นมาให้มีความยิ่งใหญ่อลังการ เช่นเดียวกับพระราชวังที่กษัตริย์เหล่านั้นเคยประทับมาก่อน โดยการสร้างสุสานนั้นก็ไม่ได้สร้างอย่างธรรมดาทั่วๆไป มีการสร้างโดยการขุดเจาะเข้าไปเป็นห้องขนาดใหญ่บนหน้าผาหิน ซึ่งอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 20 เมตร และได้มีการแกะสลักหินส่วนหน้าให้มีความสวยงามอีกด้วย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง อิสฟาฮาน (ISFAHAN) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง (482 กม.) ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเตหะรานทางทิศใต้ราว 340 กม. มีประชากร 1,583,609 คน เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอิหร่าน รองจากเตหะรานและมัชฮัด
นำท่านชม สะพานยามค่ำ OLD BRIDGE ZAYANDEROOD หรือ สะพานคาจู (KHAJU BRIDGE) เป็นสะพานเก่าแก่ที่สวยงามที่สุดในเมืองอิสฟาฮาน อู่อารยธรรมยุคโบราณ ของประเทศอิหร่าน ทอดข้ามแม่น้ำแม่น้ำซอยันเดห์โรด์ (Zayandeh-Rud) สร้างมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิตีมูร์ ในศตวรรษที่ 15 ก่อนที่ในศตวรรศที่ 17 ราวปี ค.ศ. 1650 กษัตริย์ชาวเปอร์เซีย "ชาห์ อับบัสที่ 2" แห่งราชวงศ์ซาฟาวิด (Safavid Dynasty) ได้สร้างสะพานใหม่ทับรากฐานสะพานเก่า ในรูปแบบสถาปัยกรรมแบบสะพานโค้งโรมัน (Roman Arch bridge) มีจารึกไว้ที่สะพานด้วยว่า มีการซ่อมในปี ค.ศ. 1873 ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
KOWSAR HOTEL (ISFAHAN) ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ชม เมืองอิสฟาฮาน อดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซียแห่งยุคที่มีความรุ่งเรืองสูงสุดอีกครั้งหนึ่งในศตวรรษที่ 17-18 มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซาฟาวิด ซึ่งเป็นชาวเปอร์เซียแท้ และเมืองหลวงอิสฟาฮานก็กลายเป็นทั้งเมืองศูนย์กลางการปกครองและเมืองศูนย์กลางทางการค้า จนได้รับฉายาว่า Esfahan is half of the world หมายถึงไม่ว่าใครจะต้องการสินค้าอะไรก็ตาม ก็ต้องไปหาซื้อกันที่เมืองอิสฟาฮาน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรเปอร์เซียได้เชื่อมสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรต่างๆ รวมทั้งสยามซึ่งจะตรงกับยุคสมัยของกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย
นำท่านเยี่ยมชม จัตุรัสนัค เอ ฌะฮาน (Naqsh-e-Jahan) ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งนับว่าเป็น จัตุรัสที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจัตุรัสเทียนอันเหมิน ที่มีความกว้าง 165 เมตร และมีความยาวถึง 500 เมตร รวมเนื้อที่ประมาณ 80,000 กว่าตารางเมตร ใหญ่กว่าจัตุรัสแดงในกรุงมอสโคว์ถึง 2 เท่าในอดีตเป็นสนามแข่งโปโล หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า จัตุรัสอิหม่าม Imam Square อัญมณีแห่งโลกมุสลิมที่ผนวกรวมทั้งแนวความคิด ปรัชญา และสถาปัตยกรรมที่สวยงามเอาไว้ในที่เดียวกัน นำท่านเข้าชม มัสยิดอิหม่าม Imam Mosque ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1612 โดยมียอดโดมสูง 30 เมตร และมีเสามินาเรตที่มีความสูง 40 เมตร
เข้าชม มัสยิดชีคห์ลอทฟอลลาห์ หรือ Sheikh Lotfollah Mosque ซึ่งสร้างโดยชาห์ อับบาสที่ 1 เช่นเดียวกัน ซึ่งจะใช้เป็นมัสยิดส่วนพระองค์และราชวงศ์เท่านั้น โดยเฉพาะตัวโดม ซึ่งถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศ
จากนั้นเดินอีกไม่ไกล
นำทุกท่านชม Imam Mosque สุเหร่าอันใหญ่โตสวยงามสร้างในสมัย Shah Abbas ที่ 1 ราชวงศ์ Safavid โดยสถาปนิกชาวเปอร์เซีย Imam Mosque เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรื่องของศาสนาอิสลามที่มีผลต่อการสร้างบ้านแปงเมืองอย่างชัดเจน ตัวสุเหร่าใหญ่โตหรูหราโอ่อ่า ประดับประดาด้วยกระเบื้องอย่างสวยงาม จนได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็น World Heritage คู่กับ จัตุรัส Naqsh-e Jahan
จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังอาลี คาปู Ali Ghapou Palace ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ชาห์ อับบาสที่ 1 โยมีการสร้างเพิ่มเติมจนมีทั้งหมด 6 ชั้น ซึ่งได้ถูกตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมที่หลากหลายโดยช่างฝีมือชั้นยอด จิตรกรชั้นครูในสมัยนั้น พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับและรับรองแขกบ้านแขกเมือง พร้อมกันนนี้ชั้นบนสุดยังได้ตกแต่งเป็นห้องสำหรับฟังเพลงและเล่นดนตรี จากนั้นอิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งของกินของฝากมากมายที่บริเวณรอบๆจัตุรัส
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเข้าชม พระราชวังเชเฮล โซตุน ChehelSotun Palace หรือ วัง 40 เสา ซึ่งความเป็นจริงแล้วมีเสาเพียง 20 เสาเท่านั้น แต่เมื่อมองผ่านเข้ามาทางสระน้ำหน้าพระราชวังจะเป็นเงาในน้ำอีก 20 ต้น พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1657 โดยสถาปนิก ชื่อ ชีคห์บาไฮ รอบพระราชวังมีสวนเขียวชอุ่ม ดอกไม้ชูช่อสวยงามในฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะดอกกุหลาบที่ห้อยเป็นพวงระย้าส่งกลิ่นหอมน่าชื่นใจ พระราชวังแห่งนี้สร้างในสมัย Shas Abbas ที่ 2 แต่ได้มีการออกแบบมาตั้งแต่สมัย Shah Abba s ที่ 1 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นที่พักผ่อนของกษัตริย์และบรรดานางสนาม ต่อมาใช้เป็นที่ต้อนรับอาคันตุกะหรือแขกเมือง ในพระราชวังแห่งนี้มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า มีความยาว 100 เมตร และกว้าง 16 เมตร ชมการแกะสลักลวดลายประตู หน้าต่าง ภาพฝาผนังปูนปั้น ชมภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใต้ตำหนัก บอกเล่าเรื่องราวราชสำนักและประวัติศาสตร์การทำสงคราม
จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เขต New Julfa ซึ่งเป็นเขตที่ชาวอาร์เมเนียอพยพมาตั้งรกรากที่เปอร์เซียแห่งนี้ตั้งแต่สมัยสงครามออตโตมัน ในปี ค.ศ. 1603-1618 โดยได้นำเอาคริสต์ศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่ชาวอาร์เมเนียนมาด้วย
นำทุกท่านชม Vank Cathedral ภายในมีภาพวาดผนังสีสันสวยงามแทบจะทุกตารางนิ้ว ให้ทุกท่านได้ชื่นชมและสวดมนต์ขอพร
จากนั้นเดินไม่ไกลกัน นำทุกท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ Vank Cathedral ที่จัดแสดงถึงการนำเข้าเครื่องพิมพ์มาเป็นครั้งแรก ภายในมีการจัดแสดงหนังสือ คัมภีร์ไบเบิลต่างๆ รวมไปถึงภาพวาด และพรมทอลวดลายที่หายากยิ่งต่าง
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
KOWSAR HOTEL (ISFAHAN) ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่ 5
อิสฟาฮาน - อับยาเน่ห์ - คาชาน - เตหะราน
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านอับยาเน่ห์ Abyaneh Village หมู่บ้านโบราณที่อยู่บนเทือกเขาซาร์โกรส ซึ่งใกล้กับบริเวณที่เรียกว่ายอดเขาคาคลาส มีความสูงถึง 3,899 เมตร (ระยะทาง 83 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) หมู่บ้านนี้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวอิหร่านและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เนื่องจากยังมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบเดิมๆ ใช้ภาษาปาเธียน เป็นภาษาพูดในหมู่บ้าน ผู้หญิงจะใช้ผ้าคลุมศีรษะเป็นลวดลายดอกไม้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่สำคัญคือ บ้านทุกหลังจะถูกฉาบด้วยดินโคลนสีแดง (เหมือนอิฐเผาบ้านเรา) ผสมกับเศษของต้นมอลท์ (พืชที่ใช้หมักเบียร์) เหมือนกันไปหมดทุกหลัง ล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง ให้ท่านได้พักผ่อน ถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองคาชาน (Kashan) มีชื่อเสียงด้านการทำเครื่องปั้นดินเผา กระเบื้องเคลือบ และการทอผ้า ทอพรม ต่อมาในยุคของราชวงศ์ Safavid ปกครองเมืองคาชานก็ได้มีความเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้นในฐานะเมืองศูนย์กลางทางการค้า และเป็นที่เป็นประตูสู่เมืองต่าง ๆ ในพื้นที่ทะเลทรายทางด้านตะวันออก
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านชม คฤหาสน์เศรษฐี (Tabantabaee Ancient House) สร้างมาตั้งแต่ยุคที่เมืองคาชานเคยรุ่งเรืองบนเส้นทางการค้าในอดีต สมัยราชวงศ์ซาฟาวิดปกครองเปอร์เซีย เป็นยุคที่มีการค้ารุ่งเรืองอย่างถึงขีดสุด และเมืองคาชานก็เป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางทางการค้าแห่งยุคที่มีความสำคัญอีกเมืองหนึ่ง มีพ่อค้าวาณิชย์ที่เป็นมหาเศรษฐีมากมาย คฤหาสน์เศรษฐีหลังนี้ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายหลังที่เป็นมรดกตกทอดมาสู่คนในยุคปัจจุบันให้เราได้เห็นและย้อนรำลึกถึงในช่วงที่เมืองคาชานเจริญรุ่งเรือง
นำท่านชม โบรูเจอร์ดี เฮาส์ (Borujerdi Historical House) คฤหาสน์หลังนี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อค้าที่มีชื่อเสียงของเมืองคาชาน ชื่อว่า ฮัจ เซเยส จาฟาร์ นาทานซี เพราะว่าได้ทำการส่งสินค้าออกไปยังเมืองบรูเจอร์ดี บ้านหลังนี้ได้ถูกสร้างเมื่อปี ค.ศ.1875 ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 18 ปี ภายในประกอบไปด้วยสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งด้วยต้นไม้ และตัวบ้านมีลักษณะเป็นช่องลมเพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท และหมุนเวียนอีกทั้งยังทำการตกแต่งลวดลายฝาผนังด้วยการแกะสลักปูนปั้น และทาสีให้มีความสวยงามตามแบบลักษณะของอิหร่าน
ได้เวลาอันสมควรนำทุกท่านเดินทางสู่ กรุงเตหะราน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง (284 กม.)
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
PARSIAN AZADI HOTEL (TEHRAN) ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม พิพิธภัณฑ์อิหร่านโบราณ (National Museum of Iran) ซึ่งเปิดขึ้นเมื่อปีพ. ศ. 2480และพิพิธภัณฑ์ยุคอิสลาม ซึ่งเปิดขึ้นในปี พ.ศ. 2515เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่ย้อนกลับไปถึงโบราณวัตถุโบราณของอิหร่านที่เก็บรักษาไว้ซึ่งรวมถึงภาชนะเครื่องปั้นดินเผา วัตถุโลหะ สิ่งทอที่เหลืออยู่ และมีหนังสือหายากและเหรียญเก่า
นำท่านช้อปปิ้ง ตลาดประจำเมืองเตหะราน (Tehran Grand Bazaar) ตลาดท้องถิ่นที่ใหญ่และมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศอิหร่านอยู่ใกล้กับ Arg Square ทางตอนใต้ของเมืองเตหะราน มีสินค้าพื้นเมืองของอิหร่านทุกสิ่งอย่าง โดยเฉพาะพรมสวยๆ เครื่องเทศ เสื้อผ้าพื้นเมือง สินค้าหัตถกรรม ถั่วนานาชนิด ชาแสนอร่อยและอื่นๆ อีกมากมายในราคาไม่แพง รวมทั้งอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงก็สามารถหาซื้อและลองชิมกันได้ที่นี่ด้วยเช่นกันอย่างเช่น Gaz หรือขนมตังเมเปอร์เซีย ไอศกรีมกุหลาบ ชาต่างๆ น้ำผลไม้ หญ้าฝรั่น และไก่ย่างอาหารยอดฮิต บาซาร์จะปิดทุกวันศุกร์ เปิดให้บริการวันเสาร์-พุธ และวันพฤหัสบดี
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่านเที่ยวชม พระราชวังโกเลสตาน (Golestan Palace) ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งหลังการปฏิวัติโดยอิหม่ามโคมัยนี พระราชวังแห่งนี้ก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ถูกปล่อยทิ้งร้างอย่างน่าอัปยศอดสูเช่นเดียวกับวังอื่นๆเพิ่งจะมีการบูรณะเมื่อเริ่มเปิดประเทศอีกครั้งหนึ่งราวๆ 5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามวังแห่งนี้ก็ยังคงความงดงามในการตกแต่งภายในด้วยกระจกเงาตัดเหลี่ยมแบบเพชรที่สุดอลังการ และการตกแต่งภายนอกด้วยกระเบื้องเคลือบที่มีสีสันและลวดลายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปะยุค Qajar ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาทุกตารางนิ้วของพระราชวังแห่งนี้ก็ด้วยพระปรีชาของกษัตริย์องค์หนึ่งของราชวงศ์ Qajar คือ Nasser Al-Din Shah (ค.ศ. 1848-1896) โปรดให้สร้างและตกแต่งขึ้นตามแบบยุโรปที่ท่านเคยเสด็จประพาสมาก่อนหน้านั้น
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก
PARSIAN AZADI HOTEL (TEHRAN) ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำท่านชม พิพิธภัณฑ์เครื่องเพชรพลอย (National Jewelry Museum) สถานที่แห่งนี้ถูกดูแลรักษา และมีการบริหารงานอย่างเข้มงวดโดยธนาคารชาติของอิหร่าน ภายในเต็มไปด้วยเครื่องเงิน ทอง และเครื่องประดับอัญมณีเพลรพลอย ไข่มุก อันล้ำค่ามากมายเกินกว่าจะประมาณราคาได้ ซึ่งมีของที่สำคัญต่างๆทั้งสิ้น ชม เพชรสีชมพูที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนักถึง 182 กะรัต ชม ลูกโลกที่ประดับด้วยอัญมณีห้าหมื่นกว่าชิ้น ซึ่งมีน้ำหนัก 18,200 กะรัต และชม พระราชบัลลังก์ของกษัตริย์ที่เคยนั่งครองราชย์ ซึ่งประดับด้วยเพชรนิลจินดามากกว่า 26,000 ชิ้น มงกุฎของราชวงศ์ ฟาทห์ อาลี ชาฮี ทำด้วยไข่มุกและเพชรพลอยน้ำหนัก 4.5 กก.รวมถึงเครื่องเพชรทองอันประเมิณค่าไม่ได้อีกมากมาย
เที่ยง
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย
นำท่าน เดินทางสู่ ตลาด LOCAL MARKET ซื้อของฝาก ที่มีชื่อเสียงของเมือง อาทิเช่น ถั่วพิตาชิโอ เม็ดวอลนัท อินทผาลัม
ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทาง สู่สนามบิน Imam Khomeini International Airport (IKA) เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
21.45 น.
เหินฟ้า สู่สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบินมาฮาร์น แอร์ Mahan Air เที่ยวบินที่ W5051
07.45 น.
ถึงสนามบิน สุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ