วันที่ 3
อาห์วาซ - ชูสห์ - เดซฟูล - ชูสห์ตาร์ - อาห์วาซ
07.30 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.30 น.
นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองชูสห์ (Shush) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ระยะทางห่างประมาณ 190 กม.เมืองชูสห์ในอดีตก็คือ เมืองซูซ่า (Susa) ซึ่งเคยเป็นเมืองที่มีความสำคัญของอาณาจักรเปอร์เซียโบราณ ซึ่งมีพวกอีลาไมท์ในสมัยที่เรืองอำนาจได้ตั้งเป็นอาณาจักรขึ้นมา และมีเมืองซูซ่าเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการปกครอง นอกจากนั้นเมืองซูซ่ายังเป็นหัวเมืองที่สำคัญในการเดินทางระหว่างเมืองต่างๆ ในการเดินทัพเพื่อไปยังด้านตะวันตก
ให้ท่านได้ชม ซากโบราณสถาน จากการที่ได้มีการขุดค้นทางด้านโบราณคดี ทำให้รู้ได้ว่าเมืองนี้เคยมีประชากร อาศัยอยู่ในสมัยเมื่อ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล ในปี 645-640 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์ของพวกอัสซีเรียน อัซเซอร์บานิพาล ได้บุกเข้าทำลายเมืองซูซา และหลังจากนั้นเมื่อราชวงศ์อะคาเมนิดส์ได้ขึ้นปกครองอาณาจักรเปอร์เซีย กษัตริย์ดาริอุสมหาราช ก็ได้ทำการพัฒนาปรับปรุงเมืองนี้ขึ้นมาโดยมีการสร้างพระราชวังต่างๆ พระราชวังอะพาดาน่า (Apadana Palace)ที่ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับการเมืองเปอร์เซโพลิส โดยกษัตริย์ดาริอุสมหาราชในราวปี 522-486 ก่อนคริสตกาลให้เป็นที่พักและรับรองผู้ที่มาเยือน ในปี 330 ก่อนคริสตกาล หลังจากราชวงศ์อะคาเมนิดส์ได้สิ้นสุดลง อเล็กซานเดอร์มหาราชที่รบชนะก็ได้ขึ้นมาปกครองและเมืองซูซาก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งอาณาจักรของราชวงศ์ซีลิวซิด แต่ต่อมาอีกประมาณ 8 ปีพวกปาร์เทียนก็ได้เข้ามาครอบครอง และก็ต่อเนื่องไปถึงรัชสมัยของราชวงศ์ซัสซานิด ซึ่งได้จัดการรวมเมืองซูซ่าให้เป็นเมืองหลวง ในปี ค.ศ.310-379 ระหว่างที่กษัตริย์ชาเปอร์ ที่ 2 ขึ้นครองราชย์ เมืองนี้ได้มีความสำคัญทางด้านศาสนาคริสต์และก็ศาสนาของพวกยิวด้วย จนกระทั่งถึงในสมัยของพวกมองโกล เมืองนี้ก็ไม่มีบทบาทที่สำคัญจนถึงราชวงศ์ซานด์ จากนั้นในปี ค.ศ.1852 พวกนักโบราณคดีได้มีการเข้ามาสำรวจขุดค้นสิ่งของโบราณวัตถุที่มีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์มากมาย
นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ซูซ่า (Susa Museum)เป็นสถานที่ที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่มีสิ่งของโบราณที่นำออกแสดงเป็นสิ่งของในยุคของอาณาจักรอีลาไมท์ที่นักโบราณคดีได้ขุดค้นพบ เช่น เครื่องปั้นดินเผา เซรามิคส์ เงินทองของมีค่าที่สำคัญ คือ หัววัวคู่ที่มาจากวังอะพาดาน่า สิงโตที่ต่อสู้กับเฮอร์คิวสิส และเครื่องปั้นดินเผาที่เป็นสัญลักษณ์ต่างๆหลายอย่าง
นำท่านไปชม ที่ฝังศพของดาเนียล (Tomb of Daniel) ซึ่งเป็นชาวยิวผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองซูซ่าและในระหว่างที่ถูกกักขังโดยพวกบาบีโลนในราวศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ได้ทำการเขียนเรื่องราว ด้วยการกล่าวถึงเมืองซูซ่าในพระคัมภีร์
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางไปยัง เมืองเดซฟูล (Dezful) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะทางห่างประมาณ 35 กม. เมืองเดซฟูลตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเดซ เป็นบริเวณพื้นที่ทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชนเผ่าโบราณที่ย้อนหลังไปประมาณ 4000 ปีก่อนคริสตกาล
นำท่านไปชม ความเป็นอยู่ของชาวคูซ และสะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำเดซที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 ในสมัยของกษัตริย์ชาปูร์ ที่ 1 แห่งราชวงศ์ซัสซาเนียน ที่มีความยาวประมาณ 410 เมตร นอกจากนั้นยังมีเขื่อนที่มีความสูงถึง 203 เมตร ซึ่งเขื่อนนี้มีความสำคัญในด้านการเกษตรของจังหวัด
นำท่านเดินทางไปยัง เมืองชูสห์ตาร์ (Shushtar) ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยการสร้างระบบด้วยการเคลื่อนไหลของน้ำที่ถูกสร้างขึ้นในราชวงศ์ซัสซาเนียน และได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกของโลกในปี ค.ศ.2009
นำท่านไปชม โชกา ซานบิล (ChoghaZanbil) ซึ่งเป็นโบราณสถานในสมัยของพวกอีลาไมท์ ซึ่งเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยสถาปัตยกรรมและอยู่นอกดินแดนของเมโสโปเตเมีย ถูกก่อสร้างขึ้นประมาณ 1250 ปีก่อนคริสตกาลโดยกษัตริย์อันทาสห์-นาพิริชา เป็นวิหารที่มีความสูงถึง 5 ชั้น สร้างด้วยอิฐสีแดงก้อนใหญ่ เพื่อให้เป็นที่สิงสถิตของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่อินชูชีนาค (Inshushinak) แห่งเทือกเขา
ได้เวลานำท่านเดินทางกลับไปยัง เมืองอาห์วาซ
19.30 น.
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร/ โรงแรม
ที่พัก
NEYSHEKAR HOTELโรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
07.30 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.30 น.
นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองยาซูจ (Yasooj) ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ ระยะทางห่างประมาณ430 กม. ยาซูจ เป็นเมืองที่สำคัญและศูนย์การปกครองของจังหวัดโคห์กิโลเยห์ ตัวเมืองยาซูจตั้งอยู่ในเขตพื้นที่สูงซึ่งมีอากาศหนาวเย็น ในฤดูหนาวอากาศจะเย็นมากและตามยอดเขาจะมีหิมะปกคลุม และพื้นที่ส่วนมากจะได้รับน้ำฝน ทำให้ตามหุบเขาต่างๆเกิดเป็นป่าที่เขียวชอุ่ม จึงทำให้พื้นดินมีความชุ่มชื้นตลอดทั้งปีและเมืองยาซูจจึงเต็มไปด้วยป่าไม้ที่เขียวขจี
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
ให้ท่านได้ ชมความสวยงามของเมืองที่ในอดีตก่อนคริสตกาลประมาณ 330 ปี หลังจากที่อเล็กซานเดอร์แห่งมาเซโดเนียได้มีชัยชนะต่อกองทัพของพวกเปอร์เซียที่บริเวณกัวกาเมลาในปี 331 ก่อนคริสตกาล ก็ได้เคลื่อนทัพเข้ายึดครองเมืองบาบิโลเนียนและอีลอม และได้วางแผนที่จะบุกเข้ายึดเปอร์เซียก่อนที่ฤดูหนาวจะเริ่มขึ้น โดยใช้เส้นทางเดินทัพที่ เรียกว่า ถนนหลวง (Royal Road) เพื่อจะเข้าทำลายเมืองหลวงเปอร์เซโปลิส กองทัพของอเล็กซานเดอร์ได้ข้ามแม่น้ำ ข้ามภูเขาจนกระทั่งมาถึงที่ราบสูงยาซูจจึงได้เริ่มตั้งกองกำลังเพื่อ เตรียมพร้อมในการที่จะบุกเข้าไป และสถานที่แห่งนี้ ก็เป็นส่วนที่สำคัญในการตั้งรับข้าศึกของแม่ทัพเปอร์เซียที่มีชื่อว่า อะริโอบาร์ซาเนส (Ariobarzanes) ซึ่งเป็นผู้ที่ปกครองดินแดนส่วนนี้ และได้สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักกันอย่างดีเยี่ยมในการต่อสู้ป้องกันหัวเมืองจนกระทั่งเสียชีวิต
นำท่านไปชม หมู่บ้านทังอี เมอเรียน (TangeMerian Valley) ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีแม่น้ำเคอร์ซานไหลมาจากภูเขาผ่านลงมาทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของยาซูจ จึงทำให้เป็นพื้นที่ที่มีความชุ่มน้ำและมีอากาศที่เหมาะกับการเพาะปลูกพืช หลังจากที่แม่น้ำไหลลงมาโดยผ่านซอกเขา ทำให้มีการกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ประโยชน์ตามหมู่บ้านต่างๆ
จากนั้น นำท่านไปชมความสวยงามของ เทือกเขาซากร๊อซ ที่เรียกว่า เดน่า (Dena) ซึ่งมีความยาวประมาณ 80 กม.และความกว้างโดยประมาณ 15 กม.ซึ่งเป็นบริเวณที่กั้นพรมแดนของจังหวัดอีสฟาฮานโคห์กิลูเยห์และโบเยอร์-อาห์หมัด ซึ่งเทือกเขาเดน่านี้มียอดเขาอีก 40 ยอดที่มีความสูงถึง 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
19.30 น.
รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร
ที่พัก
PARSIAN AZADIHOTELโรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หรือเทียบเท่า
07.30 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.30 น.
นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองชีราซ (Shiraz)ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ ระยะทางห่างประมาณ180 กม. นำท่านชมเมืองชีราซ (Shiraz) ซึ่งเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดฟาร์ส ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของเทือกเขาซาโกรซอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร เมืองนี้มีความสำคัญต่อชาวอิหร่าน เพราะในอดีตเป็นต้นกำเนิดของชาวเปอร์เซียและยังเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดที่มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่เปอร์เซโพลิส ของเปอร์เซียโบราณ
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านไปชม สุเหร่าสีชมพู (Pink Mosque)หรือมีชื่อว่า Nasir al Molk Mosque ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่าที่มีความสวยงามและสำคัญที่สุดของอิหร่านตอนใต้ เอกลักษณ์ของสุเหร่านี้ คือ ส่วนต่างๆจะถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องสีชมพู ถูกสร้างขึ้นโดยมีร์ซา ฮาซาน อลี นาซีร์อัลมอล์คในปี ค.ศ.1876 และสำเร็จเรียบร้อยในปี ค.ศ. 1887
นำท่านไปชม สวนอีแรม (Eram Garden/ Garden of Paradise) สวนที่สวยงามราวกับสวนสวรรค์ เป็นสวนที่ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับและไม้ยืนต้นหลากหลายชนิด เป็นการจัดสวนแบบเปอร์เซียที่งดงามยิ่ง ภายในสวนยังมีตำหนักเก่าของผู้ปกครองเมืองชีราซราชวงศ์กอจาร์(Qajars) สร้างโดยข่านโมฮัมหมัดอาลี เมื่อต้นศตวรรษที่ 18 ซึ่งทิ้งร่องรอยแห่งความสวยงามไว้จนกระทั่งปัจจุบัน
นำท่านชม สวนนาเรนเจสตาน (Narenjestan Garden) ซึ่งเป็นสวนที่มีความสวยงามอีกแห่งของชีราช ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1879 และเรียบร้อยในปี ค.ศ.1886 เพื่อให้เป็นที่พำนักของแขกต่างเมืองที่มาเยี่ยมเยือน แต่ต่อมาก็ได้กลายเป็นที่พักของเจ้าเมืองในราชวงศ์กอจาร์ในอดีต ซึ่งภายในทางเข้าได้ถูกตกแต่งด้วยกระจกชิ้นเล็กๆด้วยฝีมือที่สวยงาม และห้องต่างๆที่อยู่รอบด้านก็ได้มีการตกแต่งด้วยกระจกสีที่บานหน้าต่างอีกด้วย ส่วนอีกด้านหนึ่งที่อยู่บริเวณข้างๆกัน ยังมีการตกแต่งภายในและมีพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของบุคคลที่สำคัญในอดีตของเปอร์เซีย
นำท่านไปชม ที่ฝังศพฮาเฟซ (Mausoleum of Hafez) ซึ่งมีชื่อเต็มว่า ซัมซุดดิน มูฮัมหมัด ฮาเฟซเป็นกวีเอกที่มีชื่อเสียง เกิดที่เมืองชีราซเมื่อปี ค.ศ.1324 และเสียชีวิตเมื่อปีค.ศ. 1391 ฮาเฟซมีความสามารถในการแต่งบทกวีที่ได้ความไพเราะ ที่เข้าใจวิถีชีวิตของผู้คนและแต่งกวีที่ใช้คำง่ายๆขึ้นมาให้เป็นคติสอนคนให้เป็นคนดี อนุสรณ์สถานที่ฝังศพของนักกวีที่ยิ่งใหญ่ที่สร้างได้ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ.1936-1938 เพื่อให้เป็นที่รำลึกถึงคุณงามความดีของท่าน
นำท่านไปชม ป้อมคาริม ข่าน (Karim Khan Fort)ที่คาริม ข่านได้สั่งให้สร้างที่พักอาศัยและเป็นศูนย์กลางการบริหารงานขึ้นที่ใจกลางเมือง ที่พักอาศัยนี้ถูกออกแบบมีลักษณะเหมือนป้อม มีพื้นที่ประมาณ 12,800 ตรม. มีกำแพงล้อมรอบทั้ง 4 ด้านภายในยังตกแต่งด้วยต้นไม้เพื่อให้มีความร่มรื่น
ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย เลือกซื้อของฝากที่ ตลาดวากิลบาซาร์ (Vakil Bazaar) เป็นตลาดบาซาร์ที่ตั้งอยู่ในบริเวณดาร์บ อี ชาห์ซาเดห์ ซึ่งอยู่ใกล้กับมัสยิดวาคิล ภายในจะมีสินค้าหลายอย่างรวมทั้งเครื่องเทศต่างๆ มากมาย
19.30 น.
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
ELYSEEHOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 6
ชีราส - เปอร์เซโพลิส - อีสฟาฮาน
07.30 น.
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.30 น.
นำท่านออกเดินไปยัง เมืองมาร์พดาสท์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองชีราซไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 60 กม. เป็นที่ตั้งของ นครเปอร์เซโพลิส (Persepolis)ในอดีตสถานที่นี้ได้เป็นเมืองหลวง และศูนย์กลางที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเปอร์เซีย และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1979 ให้ท่านได้ชมโบราณสถานที่สร้างโดยกษัตริย์ดาริอุสมหาราชก่อนคริสตกาลประมาณ 520 ปี จนถึงรัชสมัยของดาริอุสที่ 3 ซึ่งได้ถูกก่อสร้างปรับปรุงต่อเติมมาตลอดระยะเวลา 200 ปี นครแห่งนี้เป็นป้อมปราการและนครศูนย์กลางที่ประกอบด้วยราชวังต่างๆ ห้องโถงใหญ่ ที่เก็บทรัพย์สมบัติ ที่เก็บสิ่งของมีค่าต่างๆ ที่มีความสำคัญที่สุด แต่ในปี ค.ศ. 330 ก่อนคริสตกาล ได้ถูกกองทัพ ของอเล็กซานเดอร์มหาราช บุกเข้าทำลายเผาผลาญจนพินาศไป เหลือแต่ซากปรักหักพังไว้ให้ชม
จากนั้นนำท่านไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น สุสานที่ฝังศพของกษัตริย์ 4 องค์ เนโครโพลิส (Necropolis)ให้ท่านได้ชมสถาปัตยกรรมที่เด่นในการแกะสลักบนผาหินและที่สำคัญเป็นสุสานของษัตริย์ดาริอุสที่ 1 และกษัตริย์องค์ต่อๆมาอีก 3 พระองค์ซึ่งเคยปกครองนครเปอร์เซโพลิสมาก่อน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองอีสฟาฮาน (Isfahan) ที่เป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดฯ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกระยะทางห่างประมาณ 250 กม. นำท่านเที่ยวชมความสวยงามของ เมืองอีสฟาฮาน (Isfahan) ซึ่งเป็นเมืองที่มั่งคั่งด้านศูนย์กลางการค้าขาย อุตสาหกรรม ศูนย์กลางของวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม วรรณกรรมและวิทยาการ จนถึงขั้นสูงสุดในเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะการทอพรมเปอร์เซีย การประดิษฐ์อักษรภาพอิสลามอันแสนวิจิตรสวยงามแบบเปอร์เซีย
นำท่านไปชม สะพานคาจู (Khaju Bridge) ซึ่งถูกสร้างได้สวยงามตามแบบที่ไม่เคยพบเห็นในที่ใดมาก่อน ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1650 โดยกษัตริย์ชาห์ อับบาสที่ 2 ที่มีความกว้าง 12 เมตร และยาวถึง 132 เมตร เพื่อสำหรับข้ามแม่น้ำซายันเดห์ ในขณะเดียวกันก็ใช้เป็นเขื่อนด้วย
จากนั้นนำท่านไปชม สะพานอัลลาห์เวอร์ดี ข่าน หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ซีโอ เซโปล (SioSepol)เป็นสะพานที่ถูกสร้างในสมัยกษัตริย์ชาห์ อับบาสที่ 1 ในปี ค.ศ.1599 และเสร็จเรียบร้อยในปี ค.ศ.1602 ซึ่งถูกสร้างให้เป็นสะพานที่มีความสวยงามสำหรับข้ามแม่น้ำซายันเดห์ มีความกว้าง 14 เมตร และมีความยาวถึง 360 เมตร ตลอดสองข้างทางของสะพานจะมีการตกแต่งเป็นทางเดินที่สวยงามและฐานด้านล่างถูกสร้างเป็นส่วนโค้ง 33 โค้ง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร/โรงแรม
ที่พัก
PIROOZY HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.30 น.
นำท่านเที่ยวชมความสวยงามของ เมืองอีสฟาฮาน (Isfahan) ซึ่งเป็นเมืองที่มั่งคั่งด้านศูนย์กลางการค้าขาย อุตสาหกรรม ศูนย์กลางของวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม วรรณกรรมและวิทยาการ จนถึงขั้นสูงสุดในเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะการทอพรมเปอร์เซีย การประดิษฐ์อักษรภาพอิสลามอันแสนวิจิตรสวยงามแบบเปอร์เซีย
จากนั้นนำท่านออกเดินทางไปยังชุมชนของชาวอาร์เมเนียน ชมความสวยงามของ วิหารแวงค์ (Vank Church)ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวอาร์เมเนียนที่นับถือศาสนาคริสต์ ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1655 ในรูปแบบผสมผสานศิลปะของยุโรปและของเปอร์เซีย
พร้อมกับชม พิพิธภัณฑ์ของโบสถ์ ซึ่งจะแสดงเกี่ยวกับหนังสือฯ เครื่องแต่งกายประวัติศาสตร์ความเป็นมา และที่สำคัญที่สุดคือการแกะสลักตัวอักษรบนเส้นผม
นำท่านไปชม พระราชวังเชเหลโชตุน (ChehelSotun Palace)หรือวัง 40 เสา ซึ่งความจริงแล้วมีเสาเพียง 20 ต้นเท่านั้น แต่เมื่อมองผ่านเข้ามาทางสระน้ำหน้าวังจะเป็นเงาในน้ำอีก 20 ต้น ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1614 โดยสถาปนิก ชื่อ ชีคห์บาไฮ พื้นที่ของพระราชวังประมาณ 67,000 ตรม. ด้านหน้ามีสระน้ำมีความยาว 100 เมตร และกว้าง 16 เมตร และตัวพระราชวัง 2 ชั้นสูง 15 เมตร มีการแกะสลักลวดลายประตูหน้าต่างที่สวยงาม และล้อมรอบไปด้วยสวนดอกไม้ที่เขียวชอุ่มเพื่อให้เป็นที่พักผ่อนของกษัตริย์และนางสนมต่อมาใช้เป็นที่ต้อนรับพระราชอาคันตุกะ ซึ่งต่อมาก็ได้ถูกต่อเติมโดยกษัตริย์ชาห์ อับบาส ที่ 2 และเสร็จเรียบร้อยในปี ค.ศ.1647
จากนั้น นำท่านไปชมความสวยงามของ พระราชวังฮัสท์เบเฮสท์ (HashtBehesht Palace) ซึ่งหมายถึงวังที่เป็นเหมือนสวรรค์ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1660 ในยุคของกษัตริย์ชาห์สุไลมานวังนี้ได้ถูกสร้างขึ้นตามแบบเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ชั้นที่ 2 ของห้องต่างๆได้ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสีของปูนปาสเตอร์พร้อมกับแกะภาพลวดลายซึ่งต่อมาในยุคของราชวงศ์ กอจาร์ฟาทห์ อาลี ชาห์ ได้ใช้เป็นที่พักสำหรับนางสนมที่โปรดปรานมากที่สุด 8 คนก็เลยได้ชื่อใหม่ว่า พระราชวังแห่งสวรรค์ชั้นแปด (Eight Paradises Palace)
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
จากนั้นนำท่านไปชม จัตุรัสอิหม่าม ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณแปดหมื่นกว่าตารางเมตรที่มีความกว้างประมาณ 165 เมตร และมีความยาวประมาณ 510 เมตร ซึ่งมีสถาปนิก อาลี อัคบาร์ เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างจัตุรัสแห่งนี้ เพื่อให้เป็นสถานที่สำคัญในด้านกิจการทหารและเล่นกีฬาโปโล นอกจากนั้นบริเวณรอบๆยังมีการตกแต่งเป็นรูปโดมที่สวยงาม และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1979
ชม พระราชวังอาลี คาปู (Ali Qapu Palace) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ ชาห์ อับบาสที่1 โดยมีการสร้างเพิ่มเติมจนมีทั้งหมด 6 ชั้นซึ่งแต่ละชั้นได้ถูกตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมหลากหลายโดยฝีมือจิตรกรชั้นครูในสมัยนั้นพระราชวังฯแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับและรับรองฯ พร้อมกันนี้ชั้นบนสุดยังได้ตกแต่งเป็นห้องสำหรับฟังเพลงและเล่นดนตรี
ชม มัสยิดชีคห์ลอทฟอลลาห์ (Sheikh Lotfollah Mosque) ซึ่งสร้างโดยชาห์ อับบาสที่ 1 เช่นเดียวกันซึ่งจะใช้เป็นมัสยิดส่วนพระองค์และราชวงศ์เท่านั้น โดยเฉพาะตัวโดมซึ่งถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศ
ชม มัสยิดอิหม่าม (Imam Mosque) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่ง หนึ่งของโลกถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1612 และสำเร็จเรียบร้อยในปี ค.ศ.1638 โดยมียอดโดมสูงประมาณ 30 เมตร และมีเสามินาเรท์ที่มีความสูงประมาณ 40 เมตร ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย เลือกซื้อของฝากต่างๆที่บริเวณจตุรัสแห่งนี้
อิสระให้ท่านได้ช๊อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองที่ ตลาดบาร์ซาร์ บริเวณอิหม่ามสแควร์
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร/โรงแรม
ที่พัก
PIROOZY HOTEL โรงแรมมาตรฐาน 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 8
อีสฟาฮาน - แอบยาเนห์ - คาชาน - เตหะราน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
08.00 น.
นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองคาชาน (Kashan) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านเหนือของอีสฟาฮาน ประมาณ 200 กม. เป็นเมืองในโอเอซิสที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์
ระหว่างทาง ให้ท่านได้ชมความสวยงามของ หมู่บ้านแอบยาเนห์ (Abyaneh Village) ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,400 เมตร ซึ่งถูกสร้างอยู่บนเนินเขาคาร์คาส ชมความเป็นอยู่ของชุมชนหมู่บ้านเก่าแก่ที่ใช้อิฐดินดิบเป็นวัสดุในการสร้างบ้าน และยังคงสภาพเดิมที่เคยเป็นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16-18 เมื่อสมัยก่อนนี้ ชาวเมืองนับถือศาสนาโซโรแอสเตอร์ ซึ่งต่อมาได้รับเอาศาสนาอิสลามเข้ามา และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.2007
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองคาชาน ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสวยงามในทะเลทรายหรือที่เรียกว่า โอเอซิส ที่อุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยต้นไม้ พันธุ์ดอกไม้ต่างๆ
นำท่านไปเที่ยวชม สวนฟิน (Fin Garden) ซึ่งเป็นสวนที่อยู่ติดกับที่ราบเชิงเขาซาโกรซถูกสร้างขึ้นในราชวงศ์ซาฟาวิดโดยชาห์ อับบาสที่ 1 ออกแบบให้เป็นสวนแบบเปอร์เซียภายในสวนได้ถูกตกแต่งด้วยน้ำพุ ที่เกิดจากแหล่งน้ำธรรมชาติซึ่งมีความดันจากน้ำใต้ดิน สามารถให้มีกำลังน้ำที่ไหลไปตามท่อต่างๆ และไหลไปหล่อเลี้ยงต้นไม้ต่างๆ ภายในสวนด้วยและยังมีวังอันสวยงามที่ถูกสร้างเป็น 2 ชั้นสำหรับเป็นที่ประทับพร้อมกันนั้นก็มีห้องอาบน้ำและอบไอน้ำ
จากนั้นไป ชมโบรูเจอร์ดี เฮาส์ (Borujerdi Historical House) บ้านหรือคฤหาสน์หลังนี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อค้าที่มีชื่อเสียงของเมืองคาชาน ชื่อว่า ฮัจ เซเยส จาฟาร์ นาทานซี เพราะว่าได้ทำการส่งสินค้าออกไปยังเมืองบรูเจอร์ดี บ้านหลังนี้ได้ถูกสร้างเมื่อปี ค.ศ.1875 ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 18 ปี ภายในประกอบไปด้วยสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งด้วยต้นไม้ และตัวบ้านมีลักษณะเป็นช่องลมเพื่อให้อากาศได้ถ่ายเทและหมุนเวียน อีกทั้งยังทำการตกแต่งลวดลายฝาผนังด้วยการแกะสลักปูนปั้นและทาสีให้มีความสวยงามตามแบบลักษณะของอิหร่านอีกด้วย
สมควรแก่เวลานำท่านออกเดินทางต่อไปยัง กรุงเตหะราน ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 200 กม.
ค่ำ
นำท่านออกเดินทางไปยัง สนามบินโคไมนี่ เพื่อตรวจเอกสารการเดินทาง
รับประทานอาหารค่ำ ระหว่างทาง (อาหารกล่อง/แซนด์วิช)
22.10 น.
ออกเดินทางจาก เตหะราน สู่กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ W5 051 (รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน)
วันที่ 9
กรุงเทพฯ /สุวรรณภูมิ
07.25 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิ์ภาพ