เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเที่ยวชม เมืองเตหะราน
นําท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (National Museum) ที่มีชื่อเสียงซึ่งได้เก็บสะสมสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ จากทั่วทุกแห่งในอิหร่าน ถูกนํามารวมกันไว้ที่นี่ และที่สําคัญที่สุดสิ่งของเครื่องใช้ในราชวงศ์ของอะคาเมนิดที่ย้อนอดีตไปถึง 2,600 ปีพร้อมกันนั้นยังได้แสดงถึงความรุ่งเรืองของอาณาจักรเปอร์เซียในอดีตอีกด้วย
จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังโกเลสตาน (Golestan Palace) หรือพระราชวังสวนกุหลาบ เป็นพระราชวังที่สร้างอยู่กลางเมือง เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าประมาณ 400 กว่าปี ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งหลังการปฏิวัติโดยอิหม่ามโคมัยนี พระราชวังแห่งนี้ก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ถูกปล่อยทิ้งร้างอย่างน่าอัปยศอดสูเช่นเดียวกับวังอื่นๆเพิ่งจะมีการบูรณะเมื่อเริ่มเปิดประเทศอีกครั้งหนึ่งราวๆ 5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามวังแห่งนี้ก็ยังคงความงดงามในการตกแต่งภายในด้วยกระจกเงาตัดเหลี่ยมแบบเพชรที่สุดอลังการ และการตกแต่งภายนอกด้วยกระเบื้องเคลือบที่มีสีสันและลวดลายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปะยุค Qajar ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาทุกตารางนิ้วของพระราชวังแห่งนี้ก็ด้วยพระปรีชาของกษัตริย์องค์หนึ่งของราชวงศ์ Qajar คือ Nasser Al-Din Shah (ค.ศ. 1848-1896) โปรดให้สร้างและตกแต่งขึ้นตามแบบยุโรปที่ท่านเคยเสด็จประพาสมาก่อนหน้านั้น
บ่าย
นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์เครื่องเพชรพลอย (National Jewels Museum) สถานที่แห่งนี้ถูกดูแลรักษาและการบริหารงานอย่างเข้มงวดโดยธนาคารชาติของอิหร่าน ภายในเต็มไปด้วยเครื่องเงินทองและเครื่องประดับ อัญมณี เพชรพลอย ไข่มุก อันล้ำค่ามากมายเกินกว่าจะประมาณราคา ซึ่งมีของที่สําคัญต่างๆ หลายอย่างให้ได้ชม อาทิ เช่น เพชรสีชมพู (Darya e Noor/Sea of Light) เป็นเพชรสีชมพูที่เม็ดใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนักถึง 182 การัต , ลูกโลก (Global of Jewel) ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 18,200 การัต , พระราชบัลลังก์ฯ (Naderi Shah Throne) ของกษัตริย์ที่เคยนั่งครองราช มีความสูงประมาณ 2.25 เมตร ประดับด้วยเพชรนิลจินดามากกว่า 26,000 ชิ้น และ มงกุฎเกียนี (Kiani Crown) ซึ่งทําขึ้นในราชวงศ์ของฟาทห์ อาลี ซาฮ์ ที่ขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ.1797-1834 ทําด้วยไข่มุกและอัญมณีที่มีค่าอีกมากมายรวมแล้วมีน้ำหนักประมาณ 4.5 กก. นอกจากนั้นยังมีเครื่องประดับต่างๆอีกมากมายที่ประเมินค่าไม่ได้
นำท่านเดินทางชม หอคอยมิลาด ทาว์เวอร์ (Milad Tower) ซึ่งเป็นหอคอย แห่งความภาคภูมิใจของคนอิหร่านทั้งมวล เนื่องจากหอคอยแห่งนี้ออกแบบก่อสร้างโดยสถาปนิกชาวอิหร่านเองทั้งหมด เป็นหอคอยที่สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ด้วยระดับความสูงถึงยอดเสาส่งสัญญาณโทรคมนาคมถึง 435 เมตร ท่านจะได้ชมความงามของกรุงเตหะรานอย่างทั่วถึงจากหอคอยแห่งนี้
วันที่ 3
ชีราช - สุเหร่าสีชมพู - เปอร์เซโพลิส - เนโครโพลิส - อิสฟาฮาน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นําท่านไปชม สุเหร่าสีชมพู (Pink Mosque) หรือมีชื่อว่า Nasir ol Molk Mosque ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่าที่มีความสวยงามและสําคัญที่สุดของอิหร่านตอนใต้ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ Qajar ประมาณปี ค.ศ. 1876-1888 โดยมีร์ซา ฮาซาน อลี นาซีร์ อัลมอล์ค เอกลักษณ์ของสุเหร่านี้ คือ ส่วนต่างๆจะถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องสีชมพู สีแดง สีเหลือง เป็นหลัก ซึ่งเป็นเพียงมัสยิดแห่งเดียวในอิหร่าน ไม่ว่าจะมองมาจากมุมใดของมัสยิดก็ตามจะได้เห็นสีของกระเบื้องที่ตกแต่งภายในเป็นสีชมพูสวยงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดดยามเช้าที่สาดแสงผ่านกระจกสีลงมากระทบพื้นดูสวยงามมาก
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง เปอร์เซโพลิส (Persepolis) ซึ่งอยู่ที่เมืองมาร์พดาสท์ อยู่ห่างจากเมืองชีราซไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 60 กม. ในอดีตสถานที่นี้ได้เป็นเมืองหลวง และศูนย์กลางที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเปอร์เซีย และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979 ให้ท่านได้ชมโบราณสถานที่สร้างโดยกษัตริย์ดาริอุสมหาราชก่อนคริสตกาลประมาณ 520 ปี จนถึงรัชสมัยของดาริอุสที่ 3 ซึ่งได้ถูกก่อสร้างปรับปรุงต่อเติมมาตลอด ระยะเวลา 200 ปี นครแห่งนี้เป็นป้อมปราการและนครศูนย์กลางที่ประกอบด้วยราชวังต่างๆ ห้องโถงใหญ่ ที่เก็บทรัพย์สมบัติ ที่เก็บสิ่งของมีค่าต่างๆ ที่มีความสําคัญที่สุด แต่ในปี ค.ศ. 330 ก่อนคริสตกาล ได้ถูกกองทัพของอเล็กซานเดอร์มหาราช บุกเข้าทําลายเผาผลาญจนพินาศไป เหลือแต่ซากปรักหักพังไว้ให้ชม
จากนั้นนําท่านชม เนโครโพลิส (Necropolis) ซึ่งเป็นสุสานที่ฝังศพของกษัตริย์ 4 องค์ ให้ท่านได้ชมสถาปัตยกรรมที่เด่นในการแกะสลักบนผาหินและที่สําคัญเป็นสุสานของษัตริย์ ดาริอุสที่ 1 และกษัตริย์องค์ต่อๆมาอีก 3 พระองค์ซึ่งเคยปกครองนครเปอร์เซโพลิสมาก่อน ซึ่งเรียกว่า นครหลังความตาย นัค-เชรอสตัม (Naqsh-e-Rostam) หรือ สุสานสี่กษัตริย์ ถือว่าเป็นสถานที่สําคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอิสฟาฮาน (Isfahan) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศอิหร่านรองจากเมืองเตหะรานและเมืองมัชฮัด ตั้งอยู่ระหว่างกลางของเมืองเตหะรานและเมืองชีราช เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นมากมาย และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ระยะทางประมาณ 482 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
PIROOZY HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 4
อิสฟาฮาน - จัตุรัสอิหม่าม - มัสยิดอิหม่าม - มัสยิดชีคห์ ลอทฟอลลาห์ - พระราชวังอาลี คาปู - พระราชวังเซเฮล โชตุน - วิหารแวงค์ - สะพานคาจู
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นําท่านเที่ยวชมความสวยงามของ เมืองอิสฟาฮาน (Isfahan) ซึ่งเป็นเมืองที่มั่งคั่งด้านศูนย์กลางการค้าขาย อุตสาหกรรม ศูนย์กลางของวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม วรรณกรรมและวิทยาการ จนถึงขั้นสูงสุดในเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะการทอพรมเปอร์เซีย การประดิษฐ์อักษรภาพอิสลามอันแสนวิจิตรสวยงามแบบเปอร์เซียจนได้รับฉายาว่า Esfahan is half of the worldซึ่งแปลว่าไม่ว่าใครจะต้องการสินค้าอะไรก็ตาม ก็ต้องไปหาซื้อกันที่เมืองอิสฟาฮาน
นําท่านไปชม จัตุรัสอิหม่าม (Imam Square) ซึ่งเป็นจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในอิหร่าน มีพื้นที่ประมาณ 80,000 กว่าตารางเมตร มีความกว้างประมาณ 165 เมตร และมีความยาวประมาณ 500 เมตร โดยมีพื้นที่ใหญ่กว่าจตุรัสแดงในกรุงมอสโควถึง 2 เท่า โดยมีสถาปนิก อาลี อัคบาร์เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างจัตุรัสแห่งนี้ จตุรัสนี้ให้เป็นสถานที่สําคัญในด้านกิจการทหารและเล่นกีฬาโปโล นอกจากนั้นบริเวณรอบๆยังมีการตกแต่งเป็นรูปโดมที่สวยงาม และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1979
จากนั้นนำท่านชม มัสยิดอิหม่าม (Imam Mosque) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1612 และสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1638 มียอดโดมสูงประมาณ 30 เมตร และมีเสามินาเรตที่มีความสูงประมาณ 40 เมตร
จากนั้นนำท่านชม มัสยิดชีคห์ ลอทฟอลลาห์ (Sheikh Lotfollah Mosque) ซึ่งสร้างโดยชาห์อับบาสที่ 1 ซึ่งใช้เป็นมัสยิดส่วนพระองค์และราชวงศ์เท่านั้น โดยเฉพาะตัวโดมซึ่งเป็นจุดเด่นและสวยงดงามที่สุดในประเทศ
จากนั้นชม พระราชวังอาลี คาปู (Ali Qapu Palace) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ชาห์ อับบาสที่ 1 อีกเช่นกันโดยมีการสร้างเพิ่มเติมจนมีทั้งหมด 6 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นได้ถูกตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมหลากหลายโดยฝีมือจิตรกรชั้นครูในสมัยนั้น พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับและรับรองพระราชอาคันตุกะในสมัยนั้น และชั้นบนสุดยังได้ตกแต่งเป็นห้องสําหรับฟังเพลงและเล่นดนตรี ให้ท่านอิสระตามอัธยาศัยและเลือกซื้อของฝากต่างๆที่บริเวณจตุรัสแห่งนี้
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นําท่านไปชม พระราชวังเซเฮล โชตุน (Chehel Sotun Palace) หรือ วัง 40 เสา แต่ความจริงแล้วมีเสาเพียง 20 ต้นเท่านั้น แต่เมื่อมองผ่านเข้ามาทางสระน้ำหน้าวังจะเป็นเงาในน้ำอีก 20 ต้น รวมเป็น 40 ต้น พระราชวังนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1614 โดยสถาปนิก ชื่อชีคห์ บาไฮ มีพื้นที่ประมาณ 67,000 ตรม. มีสระน้ำอยู่ด้านหน้า มีความยาวประมาณ 110 เมตรและกว้าง 16 เมตร ตัวพระราชวัง 2 ชั้นมีการแกะสลักลวดลายประตูหน้าต่างที่สวยงาม ตามผนังของห้องโถงด้านในอาคารพระราชวังจะมีภาพเขียนขนาดใหญ่หลายภาพ แต่ละภาพนั้นจะบอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยจักรวรรดิเปอร์เซียโดยฝีมือศิลปินที่มีชื่อเสียงในยุคซาฟาวิด ภายนอกล้อมรอบไปด้วยสวนดอกไม้ที่เขียวชอุ่มเพื่อให้เป็นที่พักผ่อนของกษัตริย์และนางสนมต่อมาใช้เป็นที่ต้อนรับพระราชอาคันตุกะ ซึ่งต่อมาก็ได้ถูกต่อเติมและเสร็จเรียบร้อยในยุคของกษัตริย์ชาห์ อับบาสที่ ในปี ค.ศ.1647
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เขต New Julfa ซึ่งเป็นเขตที่ชาวอาร์เมเนียอพยพมาตั้งรกรากที่อาณาจักรเปอร์เซียแห่งนี้ตั้งแต่สมัยสงครามออตโตมัน โดยได้นำเอาคริสต์ศาสนาซึ่งเป็นศาสนาของชาวอาร์เมเนียนมาด้วย
นำทุกท่านเข้าชม วิหารแวงค์ (Vank Church) ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวอาร์เมเนียนที่นับถือศาสนาคริสต์ ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1655 ในรูปแบบผสมผสานศิลปะของยุโรปและของเปอร์เซียภายในมีภาพวาดผนังสีสันสวยงามแทบจะทุกตารางนิ้ว ให้ทุกท่านได้ชื่นชมและสวดมนต์ขอพร นำท่านชมพิพิธภัณฑ์ของโบสถ์ซึ่งจะแสดงเกี่ยวกับหนังสือคัมภีร์ไบเบิลต่างๆ ภาพวาดประวัติศาสตร์ความเป็นมา และการแกะสลักตัวอักษรบนเส้นผม
จากนั้นนําท่านเดินทางไปชม สะพานคาจู (Khaju Bridge) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่สวยงามและมีความสำคัญกับเมืองอิสฟาฮานมีอายุราว 360 ปีถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 โดยกษัตริย์ชาห์ อับบาสที่ 2 แห่งเปอร์เซียโดยมีความกว้าง 12 เมตร และยาวประมาณ 132 เมตร เพื่อสําหรับข้าม แม่น้ำซายันเด (Zayande River) และในขณะเดียวกันก็ใช้เป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำอีกด้วย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
PIROOZY HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 5
อิสฟาฮาน - อับยาเน่ห์ - ทะเลเกลือ - คาซาน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านแอบยาเนห์ (Abyaneh Village) เป็นหมู่บ้านโบราณที่อยู่ใน หุบเขาคาร์คาส (Karkas) บนเทือกเขาซาร์โกรส หมู่บ้านนี้มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,400 เมตร ชมความเป็นอยู่ของชุมชนหมู่บ้านเก่าแก่ที่ใช้อิฐดินดิบเป็นวัสดุในการสร้างบ้าน และยังคงสภาพเดิมที่เคยเป็นมาตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อสมัยก่อนนี้ชาวเมืองนับถือศาสนาโซโรแอสเตอร์ ซึ่งต่อมาได้รับเอาศาสนาอิสลามเข้ามา และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.2007
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำท่านเดินทางไปยัง ทะเลเกลือ หรือที่เรียกกันว่า Great Salt Desert คือทะเลทรายขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางที่ราบสูงอิหร่านห่างจากตะวันออกไปประมาณ 300 กิโลเมตร ทางตะวันออกของกรุงเตหะราน ทะเลทรายมีความยาวประมาณ 800 กิโลเมตรและกว้าง 320 กิโลเมตรประกอบไปด้วยโคลนและบ่อเกลือนับสิบล้านปี ก่อนบริเวณนี้ถูกครอบครองโดยมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยเกลือซึ่งล้อมรอบทวีปเล็ก ๆ ในทวีปตอนนี้ซึ่งตอนนี้เป็นศูนย์กลางของประเทศอิหร่าน เมื่อมหาสมุทรแห้งขึ้นมันทิ้งเกลือไว้ให้หนาราว 6 ถึง 7 กิโลเมตร เมื่อเวลาผ่านไปชั้นเกลือถูกฝังอยู่ใต้โคลนหนา แต่เกลือมีความหนาแน่นค่อนข้างต่ำ - ต่ำกว่าชั้นของโคลนและหินที่อยู่ใต้ชั้นเกลือ ดังนั้นมันเริ่มผลักดันขึ้นผ่านตะกอนที่วางอยู่และในที่สุดล้านปีเกลือผ่านและโดมที่เกิดขึ้นอาจเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยานี้
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองคาชาน (Kashan) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านใต้ของกรุงเตหะราน ประมาณ 245 กม. เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการทำเครื่องปั้นดินเผา กระเบื้องเคลือบ การทอผ้า เป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญ และยังเป็นเมืองในโอเอซิสที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้และพันธุ์ดอกไม้นานาชนิด
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก
NEGARESTAN หรือเทียบเท่า
วันที่ 6
คาชาน - คฤหาสน์เศรษฐี - โบรูเจอร์ดี เฮาส์ - สวนฟิน - เตหะราน - ร้านทาวาโซ่ - สนามบิน
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านชม คฤหาสน์เศรษฐี (Tabantabaee Ancient House) สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์ซาฟาวิดปกครองเปอร์เซีย ซึ่งเป็นยุคที่เมืองคาชานรุ่งเรืองทางการค้าอย่างมาก มีพ่อค้าวาณิชย์ที่เป็นมหาเศรษฐีมากมาย คฤหาสน์เศรษฐีหลังนี้ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายหลังที่เป็นมรดกตกทอดมาสู่คนในยุคปัจจุบันให้เราได้เห็นและย้อนรำลึกถึงในช่วงที่เมืองคาชานเจริญรุ่งเรือง
จากนั้นนำท่านชม โบรูเจอร์ดี เฮาส์ (Borujerdi Historical House) บ้านหรือคฤหาสน์หลังนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1875 ใช้เวลาสร้างประมาณ 18 ปี โดยพ่อค้าที่มีชื่อเสียงของเมืองคาชาน ภายในประกอบไปด้วยสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งด้วยต้นไม้ และตัวบ้านมีลักษณะเป็นช่องลมเพื่อให้อากาศได้ถ่ายเทและหมุนเวียน อีกทั้งยังทําการตกแต่งลวดลายฝาผนังด้วยการแกะสลักปูนปั้นและทาสีให้มีความสวยงามตามแบบลักษณะของอิหร่านอีกด้วย
จากนั้นนำท่านเข้าชม สวนฟิน (Fin Garden) เป็นสวนสไตล์เปอร์เซีย อยู่ติดกับที่ราบเชิงเขาซาโกรซ ถูกสร้างขึ้นในราชวงศ์ซาฟาวิด โดย ชาห์ อับบาสที่ 1 ภายในสวนได้ถูกตกแต่งด้วยน้ำพุ ที่สร้างโดยใช้เทคนิคแรงดันน้ำธรรมชาติเรียงราย สามารถให้มีกําลังน้ำที่ไหลไปตามท่อต่างๆ และไหลไปหล่อเลี้ยงต้นไม้ต่างๆ ภายในสวนด้วย และยังมีวังอันสวยงามตามแบบฉบับเปอร์เซียอีกด้วย สวนนี้ยังได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO อีกด้วย
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
จากนั้นนำท่านแวะ ร้านทาวาโซ่ (Tavazo) ซึ่งเป็นร้านค้าที่ขายสินค้าจำพวกผลไม้อบแห้ง และถั่วต่างๆมากมาย อาทิเช่น ถัวพิสตาชิโอ อินทผาลัม หญ้าซัฟฟรอน เป็นต้น ให้ท่านได้อิระเลือกซื้อสินค้าของฝากกลับประเทศ
18.00 น.
ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบิน Imam Khomeini International Airport (IKA) เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
22.10 น.
ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดย สายการบินมาฮานแอร์ เที่ยวบินที่ W5051
***คณะออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. 62 ออกเดินทางเวลา 21.10 น.***
07.25 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ