Chitchareune Mouang Luang Hotel
, The Grand Riverside Hotel
วันที่ 1
กรุงเทพฯ - เวียงจันทร์ - พระธาตุหลวง - ประตูชัย - วังเวียง - ถนนโรตี
09.30 น.
พร้อมกันที่ สนามบินดอน เมืองอาคาร 1 ขาออก ชั้น 2 ประตู 1 เคาน์เตอร์สายการบินไทยแอร์เอเชีย
Thai Air Asia (FD) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน
12.05 น.
ออกเดินทางสู่ เมืองหลวงนครเวียงจันทน์ โดย เที่ยวบิน FD 1040 (มีบริการอาหารร้อนบนเครื่อง)
**หมายเหตุ** สายการบินแอร์เอเชีย มีบริการล็อกที่นั่งและ Hot Seat บริการสำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์ต้องการนั่งแถวหน้าและนั่งติดกัน หรือเลือกที่นั่งได้ เนื่องจากตั๋วเครื่องบินของคณะเป็นตั๋วกรุ๊ประบบ Random ไม่สามารถล็กที่นั่งได้ ที่นั่งอาจจะไม่ได้ติดกันในคณะ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขสายการบิน
*ในกรณีต้องการล็อกที่นั่งไป-กลับ ค่าใช้จ่ายใจการล็อกที่นั่งไปกลับ 200 บาท/ท่าน/เที่ยว
*ต้องการล็อกที่นั่งแถวหน้า Hot Seat
แถวที่ 1 ค่าบริการล็อกที่นั่ง ขาละ 500 บาท/เที่ยว/ท่าน ไปกลับ 1,000 บาท/ท่าน
แถวที่ 2-5 ค่าบริการล็อกที่นั่ง ขาละ 400 บาท/เที่ยว/ท่าน ไปกลับ 800 บาท/ท่าน
แถวที่ 6-8 ค่าบริการล็อกที่นั่ง ขาละ 200 บาท/เที่ยว/ท่าน ไปกลับ 4,00 บาท/ท่าน
**กรุณาแจ้งพนักงานขายทุกครั้งก่อนทำการจอง**
13.15 น.
เดินทางถึง สนามบินวัตไต เมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
บ่าย
นำท่านไปสักการะ วัดพระธาตุหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประตูชัย เป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของประเทศลาว เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติลาวมีความหมายต่อจิตใจของประชาชนชาวลาวอย่างใหญ่หลวง แทนถึงความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตยของลาวสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะโดดเด่นที่สุดในอาณาจักรล้านช้าง เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมในพระพุทธศาสนากับสถาปัตยกรรมของอาณาจักร มีลักษณะคล้ายป้อมปราการ มีการก่อสร้างระเบียงสูงใหญ่ขึ้นโอบล้อมองค์พระธาตุไว้ พร้อมกับทำช่องหน้าต่างเล็กๆเอาไว้โดยตลอด ประตูทางเข้าเป็นบานประตูไม้ใหญ่ ลงรักสีแดงรอบๆองค์พระธาตุ และมีเจดีย์บริวารล้อมอยู่โดยรอบ
ชม อนุสาวรีย์ประตูชัย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของนครเวียงจันทน์ บนถนนล้านช้างจะไปสิ้นสุดที่บริเวณประตูชัย สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2512 เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวที่สละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติพรรคคอมมิวนิสต์ ประตูชัยมีชื่อเรียกอีกอย่างหนุ่งว่า "รัยเวย์" เพราะในการก่อสร้างใช้ปูนซีเมนส์จากประเทศอเมริกาที่ซื้อมาเพื่อสร้างสนามบินใหม่ในเวียงจันทน์ในระหว่างสงครามอินโดจีน แต่พ่ายเสียก่อน จึงได้นำมาสร้างประตูชัยแทน เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะล้านช้างกับฝรั่งเศสเข้าด้วยกันอย่างงดงามและกลมกลืนอย่างยิ่ง
นำท่านเดินทางมุ่งสู่ เมืองวังเวียง สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่และธรรมชาติ ท่ามกลางขุนเขาที่รายล้อมอยู่โดยรอบ จนได้ชื่อว่าเป็น "กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว"
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารที่วังเวียง
และให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย เพลิดเพลินไปกับสีสันยามค่ำคืนในเมืองวังเวียงบน ถนนคนเดิน (Walking Street) หรือ ถนนโรตี ซึ่งมีโรตีให้ท่านได้เลือกชิมกันอย่างจุใจ
ที่พัก
The Grand Riverside Hotel ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 2
วังเวียง - ถ้ำจัง - หลวงพระบาง - พระธาตุภูษี - ถนนคนเดิน
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
หลังอาหาร พาท่านตระการตากับความงามของหินงอกหินย้อยใน ถ้ำจัง ภายในมีบรรยากาศเย็นสบาย รวมทั้งสูดอากาศแสนบริสุทธิ์บนยอดถ้ำ พร้อมทั้งชม จุดชมวิวสุดยอดถ้ำ ที่ท่านจะสามารถมองเห็นเมืองวังเวียงได้ทั้งเมือง
นำท่านชม สระมรกต ซึ่งเป็นบ่อน้ำแร่ที่ได้จากภูเขาหินปูน
ได้เวลาสมควรพาทุกท่านมุ่งหน้า เมืองหลวงพระบาง เมืองมรดกโลก ระหว่างทางท่านจะได้ผ่านหมู่บ้านชาวลาวพร้อมทั้งต้นไม้นานาพันธุ์ เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันงดงาม การทำนาขั้นบันไดและหมู่บ้านชนเผ่าต่างๆของลาว ผ่านเมือง กาสี พูคูณ เชียงเงิน และเส้นทางสายนี้ถือว่าเป็นสันทางที่สวยที่สุด เส้นทางหนึ่งในเอเชียอาคเนย์ระหว่างทางให้ท่านถ่ายรูปจากมุมสูงของยอดเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งบนเส้นทางนี้และพักผ่อนหย่อนใจกับบรรยากาศแสนสบายที่ ภูเพียงฟ้า
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
บ่าย
เดินทางถึง หลวงพระบาง
แล้วนำท่านเดินขึ้นบันได 328 ขั้น เพื่อนมัสการ พระธาตุภูษี (Phou Si Mountian) สองข้างทางร่มรื่นด้วยต้นดอกจำปา ภูษีนี้หมายถึง “ภูศรี” คือเป็นศรีของเมืองหลวงพระบางนั่นเอง ตั้งโดดเด่นกลางใจเมือง มีจุดชมวิวก่อนถึงยอดพระธาตุ มองเห็นวัดบ้านเรือนทอดยาวขนานกับแม่น้ำโขงจรดปากแม่น้ำคานยอดสูงสุดของภูษี อยู่บนพื้นที่ราบแคบๆ ตัวพระธาตุเป็นทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมทาสีทองตั้งอยู่ บนฐานสี่เหลี่ยมยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูงประมาณ 21 เมตร จะสวยมากในยามเย็น แบบนี้แสงแดดจะส่ององค์พระธาตุเป็นสีทองสุกปลั่ง มีทางเดินรอบองค์พระธาตุ สามารถชมทิวทัศน์ตัวเมืองหลวงพระบางได้เกือบรอบเลยทีเดียว
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (พิศษ!! พิธีบายศรีสู่ขวัญตามประเพณีพื้นบ้านของหลวงพระบาง)
หลังรับประทานอาหาร สามารถเดินเที่ยวชม ถนนข้าวเหนียว หรือ ตลาดมืด เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองไว้เป็นของฝากหรือเป็นที่ระลึก อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
ที่พัก
Chitchareune Mouangluang Hotel ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ 3
ตักบาตรข้าวเหนียว - วัดเชียงทอง - พระราชวัง - หอพระบาง - วัดวิชุนราช - กรุงเทพฯ
06.00 น.
ตื่นเช้าไปร่วม ทำบุญ - ตักบาตร กับชาวหลวงพระบาง ทุกเช้าชาวหลวงพระบางทุกบ้านจะพากันออกมานั่งรอตักบาตรพระสงฆ์ที่เรียงแถวเดินมาตามถนนเป็นร้อยๆรูป ซึ่งเป็นภาพยามเช้าที่มีชีวิตชีวาของหลวงพระบาง โดยสะท้อนถึงวิถีชีวิตของสังคมอันสงบสุขและความเลื่อมใสศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนา ที่หยั่งรากลึกลงในวัฒนธรรมของชาวล้านช้าง
นำท่านแวะเที่ยวชม ตลาดเช้า
รับประทานบริการอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเที่ยวชม วัดเชียงทอง (Xieng Thong Temple) เป็นวัดหลวงคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปเวียงจันทน์ และยังได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเจ้าชีวิตศรีสว่างวงศ์วัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของลาว บริเวณที่ตั้งของวัดอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองหลวงพระบาง ใกล้บริเวณที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบกันกับแม่น้ำโขง มีพระอุโบสถ หรือภาษาลาวเรียกว่า “สิม” เป็นหลังไม่ใหญ่โตนัก หลังคาพระอุโบสถแอ่นโค้งและลาดต่ำลงมาก ซ้อนกันอยู่ 3 ชั้น เป็นศิลปะแบบหลวงพระบาง ส่วนกลางมี ช่อฟ้า ประกอบด้วย 17 ช่อ ซึ่งเป็นที่สังเกตกันว่า เป็นวัดที่พระมหากษัตริย์สร้างขึ้นจึงมี 17 ช่อ ส่วนสามัญจะสร้างกันแค่ 1-7 ช่อ เชื่อกันว่าจะเก็บของมีค่าไว้ในนั้นด้วยส่วนหน้าบัน หรือภาษาลาวว่า “โหง่” เป็นรูปเศียรนาค ความงามของวัดอยู่ที่ความสงบสง่า สะอาด มีการวางผังออกแบบและบำรุงรักษา
จากนั้นนำท่านชม พระราชวังเก่า (Royal Palace Museum) เป็นวังที่เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ทรงประทับอยู่ที่นี่จนสิ้นพระชนม์ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ.2518 พระราชวังก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ประกอบด้วย หอฟังธรรม ห้องรับแขกของเจ้ามหาชีวิตและพระมเหสี ห้องท้องพระโรง ทางด้านหลังก็เป็นพระตำหนัก ซึ่งมีเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ จัดเก็บไว้เป็นระเบียบเรียบง่าย
นำท่านนมัสการ หอพระบาง ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของหลวงพระบาง เป็นพระพุทธรูปประทับยืนปรางค์ห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปศิลปะขอมสมัยหลังบายน น้ำหนัก 54 กก. ประกอบด้วยทองคำ 90% และยังมีพระพุทธรูปนาคปรกสลักศิลาศิลปะขอมอีก 4 องค์ประดิษฐานอยู่
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
หลังรับประทานอาหาร นำท่านเดินทางไป วัดใหม่สุวรรณภูมาราม หรือที่ชาวหลวงพระบางเรียกกันสั้นๆว่า "วัดใหม่" เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชบุญทัน ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์สุดท้ายของลาว และยังเคยเป็นที่ประดิษฐาน "พระบาง" พระพุทธรูปคู่เมืองหลวงพระบางในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตสักรินฤทธิ์ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2437 จึงได้อัญเชิญพระบางไปประดิษฐานในหอพระบาง ภายในพระราชวังจวบจนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้สิ่งที่เราจะสังเกตเห็นถึงความแตกต่างจากวัดอื่นๆ คือตัวอุโบสถ(สิม) ลักษณะจะเป็นอาคารทรงโรง หลังคามีขนาดใหญ่ มีชายคาปกคลุมทั้งสี่ด้านสองระดับต่อเนื่องกัน
จากนั้นนำท่านนมัสการ พระธาตุหมากโม เป็นเจดีย์ปทุมหรือพระธาตุดอกบัว แต่ชาวลาวทั่วไปเรียกว่า "พระธาตุหมากโม" เนื่องจากเห็นว่ามีรูปทรงคล้ายแตงโมผ่าครึ่ง หรือทรงโอคว่ำ คล้ายสถูปฟองน้ำที่สาญจี ประเทศอินเดีย ยอดพระธาตุมีลักษณะคล้ายรัศมีแบบเปลวไฟของพระพุทธรูปแบบลังกาหรือสุโขทัย บริเวณมุมฐานชั้นกลางและชั้นบนมีเจดย์ทิศทรงดอกบัวตูมทั้งสี่มุม
ได้เวลาสมควรนำทุกท่านมุ่งหน้าสู่ สนามบินนานาชาติหลวงพระบาง
16.30 น.
ออกเดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทยแอร์เอเซีย เที่ยวบินที่ FD 1031
17.55 น.
เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม